รีวิวหนัง Sahara
รีวิวหนัง Sahara พิชิตขุมทรัพย์หมื่นฟาเรนไฮต์
Sahara พิชิตขุมทรัพย์หมื่นฟาเรนไฮต์ นี่ก็เป็นหนังที่จัดสร้างจากนิยายของ Clive Cussler ซึ่งมีตัวเอกคือ เดิร์ก พิตต์ สุดยอดนักสำรวจที่คอยไล่ล่าขุมทรัพย์ เป็นนิยายชุดที่ฮิตสุดๆ เรื่องหนึ่งเลยล่ะครับ (ก็มีออกมาเป็นสิบตอนแล้วอ้ะ ฮิตไม่ฮิตคิดดูเองแล้วกันนะครับ )
ภาพยนตร์แอ็คชั่น ผจญภัย คอมเมดี้ หนังล่าขุมทรัพย์ ที่ถือว่าค่อยข้างครบทุกอารมณ์ของหนังแนวแอ็คชั่นผจญภัย ที่ได้ชุดนักแสดงคุณภาพโดยสดงนำ Matthew McConaughey, Penélope Cruz และ Steve Zahn พิชิตขุมทรัพย์หมื่นฟาเรนไฮต์
ครั้งนี้ก็เป็นการผจญภัยตามล่าหาเรือรบที่หายสาปสูญไปในช่วงสงครามกลางเมือง เรือลำนี้ก็มีชื่อว่า เรือแห่งความตาย (Ship of Death) ซึ่งมันมีแนวโน้มว่าจะไปอยู่ที่ทะเลทรายในอัฟริกาตะวันตกครับ ทำให้เดิร์ก (Matthew McConaughey) และเพื่อนซี้จอมปากมากอย่าง อัล จิออดาโน่ (Steve Zahn) มาร่วมทีมตามหาขุมทรัพย์ชิ้นนี้ให้ทันเวลา เพราะคุณหมอสาวสวยจาก UN อย่างอีวา โรฮาส์ (Penélope Cruz) เชื่อว่าเจ้าเรือลำที่ว่านี้เอง อาจเป็นสาเหตุของโรคระบาดลึกลับที่กำลังคร่าชีวิตคนทั่วทั้งอัฟริกาในตอนนี้ก็ได้ ดูหนังออนไลน์ฟรี
นี่ก็เป็นหนังแอ๊คชั่นแนวผจญภัยน่ะครับ ไล่ล่ากัน ตามหาเงื่อนงำเพื่อค้นหาขุมทรัพย์ให้พบเจอ ซึ่งก็ดูเพลินๆดี นะครับ ไม่รู้สิผมชอบเนื้อเรื่องและการตามหาขุมทรัพย์ ที่ต้องพบเจอกับกับดักแหละอุปสรรคต่างๆให้พระเอกได้แก้ปัญหา ตัวเอกอย่างเดิร์กจะมีความโดดเด่น อันนี้ผมชอบเป็นการส่วนตัวนะ แต่ว่าว่าในนิยายเป็นยังไงเพราะผมไม่ได้อ่านครับ มีแต่จะหยิบๆ แต่ก็ไม่ได้อ่านซะที ที่พูดนี่เอาแค่ที่เห็นบนจอน่ะครับ แต่ผมว่าในนิยายมันน่าจะมีอะไรดีดี ไม่งั้นนิยายคงไม่ยาวมาตั้งขนาดนี้หรอกครับ
รีวิวหนัง Sahara พิชิตขุมทรัพย์หมื่นฟาเรนไฮต์
McConaughey ถือว่าพอไปได้กับบทครับ ดูSaharaaฟรี สนุกสนานและ ส่วนพี่ Zahn ก็ตามเคยครับ บ้าบอสนุกสานกันไป ช่างจ้อ ทำให้หนังดูมีสีสันเพิ่มขึ้น ขึ้นได้ ในขณะที่นางเอกสาว Cruz ก็สวย เซ็กซี่ตามเคย แต่ อีกคนที่ดูแล้วทำให้เรื่องสนุกขึ้นก็ยังมีดารารุ่นเก๋าอย่าง William H. Macy เจ้าของบท จิม หัวหน้าของเดิร์กที่ต้องมานั่งปวดหัวทุกที่ที่ลูกน้องโทรมาขออนุญาตผลาญเงินเล่นเนี่ย (ไอ้ฉากที่พี่แกรู้ว่าเดิร์กจะระเบิดเรือนี่ฮามากครับ) แล้วก็ Lambert Wilson ที่เคยแสดงเป็นพี่เมโรวิงเจี้ยนสำเนียงยียวนกวนประสาทจาก The Matrix 2 ภาคหลังก็มาเป็นอีฟส์ เจ้าของโรงงานตัวร้ายที่ยังมีมาดไม่
ส่วนมากในหนังจะเป็นอะไรที่เราเห็นกันมามากแล้วน่ะครับ ฉากกลางทะเลทราย ฉากการล่าด้วยเรือ ซึ่งช่วงที่ผมชอบ แหละรู้สึกสนุกมากก็คือตอนไล่ล่าทางเรือนี่แหละครับ ฉวัดเฉวียนได้นั้งลุ้นไม่เลว ยิ่งไอ้ยุทธการปอมเปอีของมันนี่เล่นเอาผมฮาไปเลยครับ บ้ากันใช้ได้จริงๆ ฮ่าๆๆๆ
การที่หนังค่อยข้างจะยึดกับความจริงน่ะ หนังมันไม่ได้ จะแหวกไปอภินิหารแบบ Indiana Jones ก็ไม่ได้ เพราะเรื่องมันอิงบนเหตุการณ์จริงที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับอภินิหารใดๆ ทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้หนังเลยออกจะดูไม่ได้หวือหวา และยิ่งเหตุมาเกิดในอัฟริกา เพราะมันมีแต่ทะเลทรายเวิ้งว้าง จะพลิกไปเล่นอะไรมากก็ไม่ได้ อาจจะขัดใจคนที่ชอบดูแนวผจญภัยแฟนตาซีสักหน่อย แต่สำหลับคนชอบแนวแอ็คชั่น ผจญภัยอิงประวัติศาสตร์ หน้าจะชอบแหมือนผม
ทีนี้ก็แล้วแต่ล่ะครับ ผมแค่มาแชร์ความคิดเท่านั้นเอง หนังมันออกมาสนุกดี ดูเพลินๆ ถ้าใครชอบก็ไปตามหานิยายมาอ่านเพิ่มเติมได้ครับ น่าจะได้อีกรสน่ะ สรุปเป็นว่า คอหนังผจญภัยแอ๊คชั่นจะต้องดูนะครับ เพราะมันสนุกดีมีอะไรให้เราได้ลุ้นดี น่ะ แต่อย่าคาดหวังอะไรมากนะครับ เพราะมันไม่มีอะไรมากนอกจากทะเลทรายน่ะ ถ้านำมาเทียบกับปัจจุบันที่มีเอฟเฟ็กต์บวกกับเทคโนโลยีที่แตกต่างกันก็คงสนุกไม่เท่าสมัยนี้ แต่ถ้าคุณชอบการผจญภัยที่สมจริง ชอบความคลาสสิกของการผจญภัยที่ไม่ได้มีเครื่องมือหรืออุปกรณ์มากมาย สำหรับผมผมว่าหนังเรื่องนี้สนุกเลยครับ รีวิวหนังแอ็คชั่น
-ฉายวันที่ : 8 เมษายน 2005
-เขียนบทโดย Clive Cussler, Thomas Dean Donnelly และ Joshua Oppenheimer-
-ผู้กำกับ : Breck Eisner
-นำแสดงโดย : Matthew McConaughey, Penélope Cruz, Steve Zahn
สรุปเรื่องย่อ พิชิตขุมทรัพย์หมื่นฟาเรนไฮต์
ในตอนสิ้นสุดสงครามกลางเมืองของสหรัฐ ฝ่ายใต้ประสบความพ่ายแพ้ บุคคลระดับผู้นำขนทองคำทั้งหมดในคลังหนีไปโดยเรือหุ้มเกาะพร้อมมีตัวประกันคนสำคัญผู้ที่ซึ่งฝ่ายเหนือไม่กล้าขยับตามล่า คณะผู้หลบหนีหายสาบสูญไป
ร้อยกว่าปีต่อมา เกิดมหันตภัยจากกระแสน้ำแดงก่อให้เกิดโรคระบาดร้ายแรงในย่านแอฟริกา กระแสน้ำแดงลามออกสู่มหาสมุทรทำลายสมดุลธรรมชาติอย่างร้ายแรง ความลับน่ากลัวถูกกลบฝังอยู่ใต้ผืนทรายของซาฮารา เป็นความลับของร้อยปีก่อนโยงถึงปัจจุบัน
นวนิยายเรื่องซาฮาร่า เป็นหนึ่งในชุดนิยายการผจญภัยที่โลกนิยมเรื่องหนึ่ง เนื้อหาในแต่ละตอนกล่าวถึง เดิร์ก พิตต์ อดีตทหารอากาศนักผจญภัย โดยมีคู่หูอย่าง อัล จิออร์ดาโน่ เป็นผู้ช่วยร่วมก๊วน ที่ไปปฏิบัติภารกิจต่างๆที่อันตรายและเสี่ยงภัยเป็นที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการตามหาขุมทรัพย์ ไปหยุดยั้งวิกฤตการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศหรือส่งผลโดยตรงต่อโลก อีกทั้งการตามหาวัตถุสิ่งของโบราณในอดีตที่ได้หายสาบสูญไป บางทีก็อยู่ผิดที่ผิดเวลาจนเป็นเรื่อง ประมาณ Indiana Jones, James Bond และ Die Hard
เรื่องนี้เป็นตอนแรกที่ผมอ่านได้ครับ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ตอนแรกสุดของนวนิยายชุดนี้นะครับ ต้องเกริ่นก่อนว่าผมได้รู้จักหนังสือชุดนี้จากคุณ หมื่นทิพ นักรีวิวภาพยนตร์,ซีรี่ย์และหนังสือ ซึ่งได้รวมถึงการรีวิวหนังสือชุดนี้ แต่ผมก็ไม่ได้รู้จักดีมากนะ เพราคุณหมื่นทิพแกรีวิวแค่ตอนเดียว หลังจากนั้นเมื่องานหนังสือปีที่แล้วที่ขอนแก่น ผมไปสะดุดตากับบูธหนังสือแห่งหนึ่งที่ได้วางขายหนังสือชุดนี้จึงของรายละเอียด ซึ่งภายหลังได้ทราบว่าพี่คนขายคนนั้นคือลูกชายของผู้แปล 555 หลังจากนั้นแกก็ได้แนะนำว่าตอนไหนที่สนุกสุดก็คงต้องเป็นตอน “ซาฮาร่า”
เนื้อเรื่องค่อนข้างสนุกมากๆครับ เล่นประเด็นที่ใหญ่กว่าที่คิด อย่างเรื่องสารพิษที่รั่วไหลลงทะเลแล้วกระจายไปตามมหาสมุทรต่างๆทั่วโลก ถึงขั้นต้องขอความช่วยเหลือจากสำนักงานสหประชาชาติในการแก้วิกฤตการณ์และช่วยเหลือในครั้งนี้ รวมไปถึงการขอกำลังหน่วยพิเศษ ของสหประชาชาติ และจำเป็นต้องเข้าพบท่านประธานธิบดี เพื่อช่วยเหลือกลุ่มตัวละครของพระเอก ซึ่งจากที่กล่าวในข้างต้น ทำให้ในช่วงท้ายของเรื่อง มีฉากสงครามขนาดย่อมๆในเรื่อง เรียกได้ว่านำฉากที่ว่านั้นมาสร้างแยกเป็นหนังสงครามอีกเรื่องหนึ่งยังได้เลย 555 เนื้อเรื่องค่อยๆทวีระดับความพีคไปทีล่ะสเต๊ปๆ อย่างมั่นคง ไล่ระดับฉากบู๊เล็กๆไปถึงบู๊เป็นสงคราม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะบู๊ไปซะทุกฉากนะครับ เพราะส่วนใหญ่จะหนักไปในทางการปฏิบัติภารกิจลับ หลีกเลี่ยงการปะทะโดยตรง ออกแนวสายลับ (แหง่ละก็อยู่ในพื้นที่ของศัตรู) มีการเล่าเรื่องที่ฉับไว คล้ายกับการดูหนัง ทำให้อ่านได้สนุกไหลลื่นไปกับเรื่องราว ปมต่างๆวางได้พอเหมาะพอสมควร
มีช่วงให้ลุ้นไปกับตัวละครที่ต้องไปร่อนเร่พเนจรท่ามกลางทะเลทราย (เหนื่อยแทนสุดๆ) ตัวละครแต่ละตัวก็มีเสห่น์และสีสันเฉพาะตัว แม้ตัวละครจะเยอะมากแต่ก็เฉลี่ยบทได้อย่างดี บรรดาเหล่าร้ายก็ชั่วชาติสารเลวเกินคนทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง และนอกจากเรื่องของเรือหุ้มเกราะที่หายไปพร้อมทองคำและบุคคลสำคัญแล้ว ยังมีเรื่องของการหายตัวไปของนักบินหญิงแห่งออสเตรเลียที่หายไปในช่วงยุค 30’s ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่ เดิร์ก พิตต์ และ อัล จิออร์ดาโน่ จะได้ใช้ประโยชน์ในการเอาตัวรอด (เป็นฉากเด็ดดวงที่แสดงให้เห็นลูกบ้าของทั้ง2คน 555) แต่ก็มีจุดขัดใจในเรื่องความรักของคู่พระนางที่ดูรักกันมากไปทั้งๆที่เพิ่งรู้จักกันครั้งแรกไม่นาน แล้วกว่าจะมาพบกันก็ปาไปในช่วงกลางเรื่องซึ่งก็ดูแปลกๆเพราะดูไม่ค่อยผูกพันกันมากนัก และ ไฮไลท์อย่างเรือหุ้มเกราะที่ตอนแรกๆเหมือนสำคัญ ไปๆมาๆดูเหมือนจะไม่ได้ไปเน้นมากนักทั้งๆที่สามารถเล่นประเด็นนี้ได้มาก ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ได้เยอะ แค่เดินไปค้นหาเฉยๆ ถ้าเพิ่มลูกเล่นให้อีกสักหน่อยจุดนี้จะสมูทมากทีเดียว แม้จะเป็นหนังสือนิยายที่ให้ความบันเทิงเป็นหลักแต่ก็ได้สอดแทรกสาระข้อคิดสะกิดใจที่ว่า วิกฤตที่เกิดขึ้นกับโลกของเราก็ล้วนเกิดมาจากฝีมือมนุษย์ทั้งนั้น ในเรื่องของการใช้สารเคมีต่างๆเพื่อใช้ในการทำกิจกรรมต่างๆหรือทำในเรื่องอุตสาหกรรม ที่เมื่อไม่ใช้แล้วก็ปล่อยปะละเลยไม่จัดการให้เรียบร้อยสร้างปัญหามลพิษต่างๆ ไม่ใส่จนดูแลจนกระทั่งถึงเวลาที่มันสายแล้วค่อยมาคิดแก้ไขปัญหา ซึ่งสะท้อนความจริงในโลกปัจจุบัน ถึงแม้ว่าหนังสือจะเขียนมานานแล้วก็ตาม
ด้วยความสนุกสนานของหนังสือทำให้มีการไปสร้างเป็นหนังในชื่อ Sahara พิชิตขุมทรัพย์หมื่นฟาเรนไฮต์ เมื่อปี 2005 ซึ่งหนังดัดแปลงไปมาก เนื้อหาไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมดในหนังสือ (ถ้าครอบคลุมทั้งหมดหนังอาจยาวมาก เพราะประเด็นในหนังสือก็เยอะจริงๆ) ส่วนตัวหนังก็ดูสนุกเพลินๆอยู่ครับแต่ไม่ดีมากถ้าเทียบกับในหนังสือ เพราะในหนังอะไรก็ง่ายไปหมด แต่จุดที่ผมชอบคือหนังเล่นเรื่องประเด็นเรือหุ้มเกราะอย่างที่ผมต้องการ มีลูกเล่นและใช้ประโยชน์จากตรงนี้ได้เยี่ยมจริงๆ รีวิวหนังดีๆ
ไม่แน่ใจว่าตัวเองพลาดหนัง Matthew ไปได้ยังไง fool’s gold กับเรื่องนี้ คล้ายกันตรงล่าขุมทรัพย์ในทะเลเหมือนกันเลย
แต่เรื่องนี้บู๊ล้างผลาญกว่าเยอะ ชอบตอนพี่แกขับเรือมากเลย เท่ห์สุดๆ
อย่าลืมไปหาหนัง Matthew เรื่องอื่นๆ มาดูนะครับ romantic comedy มีหลายเรื่อง พี่แกหล่อมากครับ