รีวิว The French Dispatch

หลังจากปล่อยให้แฟนๆ ชาวไทยรอลุ้นกันอยู่ข้ามปี สุดท้ายสถานการณ์ Covid-19 ก็ทำให้แฟนหนังชาวไทยของผู้กำกับสุดติสต์อย่างเวส แอนเดอร์สัน (Wes Anderson) ต้องอกหัก อดชม The French Dispatch ก๊วนข่าวหัวเห็ด  ดูได้ที่ดูหนัง

 

 

ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเขาในโรงภาพยนตร์ไปตามระเบียบ แต่ล่าสุดลุงเวสก็ไม่ปล่อยให้แฟนๆ ชาวไทยเหงานานเพราะทุกคนสามารถชมภาพยนตร์เรื่องใหม่นี้ได้บน Disney+ Hotstar แล้ววันนี้พร้อมเสียงพากย์ภาษาไทย!

The French Dispatch of the Liberty, Kansas Evening Sun หรือชื่อไทยสั้นๆ ว่า ‘ก๊วนข่าวหัวเห็ด’ เป็นผลงานภาพยนตร์ภายใต้การกำกับของเวส แอนเดอร์สัน ผู้เคยเนรมิตรงานโปรดักชั่นกระฉ่อนโลกไว้ใน The Grand Hotel Budapest (2014) ภาพยนตร์คอมเมดี้-ดราม่าที่โด่งดังด้วยงานออกแบบอาร์ตสุดตระการตา และคว้ารางวัลออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์มาครอง

ในภาพยนตร์เรื่องใหม่นี้ เวสหยิบเอาความรักและความประทับใจที่เขามีต่อชาวกองบรรณาธิการนิตยสาร The New Yorker มาเป็นแรงบันดาลใจในการเล่าเรื่องราวของหนังสือพิมพ์อเมริกันที่มีสำนักงานอยู่ในประเทศฝรั่งเศสในช่วงศตวรรษที่ 20 กองบรรณาธิการข่าวต้องการจะนำเสนอเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างอิสระ

พวกเขาจึงเริ่มทำนิตยสารขึ้นในชื่อ เดอะ เฟรนช์ ดิสแพทช์ แม็กกาซีน โดยเรื่องเล่าในภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้วิธีนำเสนอโดยแบ่งการเล่าออกเป็นเรื่องสั้นย่อยๆ คล้ายกับการอ่านนิตยสารแต่ละคอลัมน์ พาผู้ชมไปสัมผัสเรื่องราวดราม่าเปี่ยมอารมณ์ขันและแทรกไว้ด้วยความโรแมนติกเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการได้มาซึ่งต้นฉบับของเหล่านักเขีย

อย่างเช่น The Concrete Masterpiece คอลัมน์ศิลปะที่เขียนโดยเจ.เค.แอล. บีเรนเซน (J.K.L. Berensen) ซึ่งพาผู้ชมไปทำความรู้จักกับโมเสส โรเซนธาเลอร์ (Moses Rosenthaler) นักโทษคดีฆาตกรรมผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะมากมายจากการวาดภาพผู้คุมสาวที่เขาตกหลุมรัก

จนกระทั่งจูเลียน คาดาซิโอ (Julian Cadazio) นายหน้าค้าศิลปะที่ติดคุกจากคดีภาษีบังเอิญได้เห็นผลงานชิ้นเอกของโมเสสเข้าและตัดสินใจปลุกปั้นจนนักโทษผู้นี้กลายเป็นศิลปินระดับโลกผู้พลิกวงการศิลปะแม้ตัวจะยังอยู่ในคุก จนนำมาสู่ผลงานชิ้นเอกบนผนังคอนกรีตและทริปบุกคุกสุดโกลาหลของเหล่านักประมูลศิลปะ

โดยได้ทิลด้า สวินตัน (Tilda Swinton) มารับบทนักเขียนสาวเจ.เค.แอล. บีเรนเซน (J.K.L. Berensen) ผู้รับหน้าที่เล่าเรื่องราวสุดอลหม่านสะท้านวงการศิลปะนี้ลงในนิตยสาร ส่วนผู้ที่มารับบทจูเลียน คาดาซิโอ (Julian Cadazio) ก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเอเดรียน โบรดี (Adrien Brody) ที่เคยร่วมงานกับเวสมา

แล้วในบท ดิมิทรี (Dmitri) เจ้าของมรดกภาพวาดเจ้าปัญหาใน The Grand Hotel Budapest ที่ในเรื่องนี้เขาก็ยังคงวนเวียนอยู่กับผลงานศิลปะในบทบาทของนายหน้าค้าศิลปะสุดทะเยอทะยานที่ทั้งขู่ทั้งปลอบให้นักโทษอดีตเพื่อนร่วมคุกของเขาที่รับบทโดยเบนิซิโอ เดล โตโร (Benicio Del Toro) สร้างผลงานศิลปะใหม่ๆ ออกมา ดูหนังออนไลน์2022

ไม่เพียงความงดงามของงานโปรดักชั่นดีไซน์อันเป็นลายเซ็นอันชัดเจนของเวส แต่ในเรื่องนี้เขาขยับขยายมันออกไปในสเกลที่ใหญ่ขึ้น เราจึงได้มองเห็นภาพของฝรั่งเศสแบบเวสในยุคก่อน โดยอดัม สต็อกเฮาเซน (Adam Stockhausen) ทีมโปรดักชั่นดีไซน์ของเวสพยายามค้นหาสถานที่ถ่ายทำที่ให้ความรู้สึก ‘เหมือนนปารีส แต่ไม่ใช่ปารีสในปัจจุบัน’ จนมาลงเอยที่เมืองอองกูแลม (Angoulême) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส

ทีมโปรดักชั่นได้เปิดเผยว่าเวสให้ลิสต์ภาพยนตร์ฝรั่งเศสยุคเก่าจำนวนมากเพื่อให้ทีมนำไปศึกษาและใช้ในการสร้างสรรค์ฉากและงานโปรดักชั่นที่ถูกต้อตามแบบฉบับปาครีเซียงแท้ๆ รวมทั้งการไปขลุกอยู่ที่ตลาดขายของเก่าที่ แซงตวง (Saint-Ouen) เป็นเวลากว่า 6 เดือนเพื่อสรรหาข้าวของประกอบฉากในราคาเป็นมิตร เพราะพวกเขาต้องเนรมิตหนังทั้งเรื่องภายใต้ทุนสร้างเพียง 25 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น

ความทุ่มเทแบบสุดตัวนี้เองทำให้ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเวสสามารถเนรมิตฝรั่งเศสยุคเก่า ทั้งคาเฟ่สุดคลาสสิคที่ตัวละครนักเขียนสาวของฟรานเชส แม็คดอร์มานด์ (Frances McDormand) ได้เฝ้ามองนักศึกษาแกนนำการประท้วงอย่างเซฟฟีเรลี (Zeffirelli) ที่รับบทโดยทิโมธี ชาลาเมต์ (Thimothée Chalamet) ใช้เล่นหมากรุกกับเพื่อนๆ และนำมาสู่สงครามหมากรุกแสนดุเดือดระหว่างเหล่าผู้ประท้วงและรัฐจนได้เป็นเรื่อง Revisions to a Manifesto ในคอลัมน์การเมืองและบทกวี

รวมทั้งภารกิจชิงตัวประกันในการลักพาตัวลูกชายนายตำรวจ และภาพการไล่ล่าแสนมีชีวิตชีวาที่เล่าผ่านตัวละครของ เจฟฟรีย์ ไรต์ (Jeffrey Wright) นักเขียนคอลัมน์อาหารผู้ถ่ายทอดเรื่อง

The Private Dining Room of the Police Commissioner ที่ควรจะเป็นคอลัมน์อาหารแต่กลับเลยเถิดกลายเป็นเรื่องราวการถล่มแก๊งมาเฟียและมีเรื่องราวเกี่ยวกับเชฟในโรงพักและการทำอาหารเพียงน้อยนิด จนเจฟฟรีย์โดนบรรณาธิการบริหารผู้เป็นหัวหน้าออกปากบ่น

เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่หลายคนโดยเฉพาะแฟนๆ ของผู้กำกับสุดแนวอย่าง เวส แอนเดอร์สัน รอคอย สำหรับ The French Dispatch (2021) ที่ถูกเลื่อนฉายมาหนึ่งปีเพราะการระบาดของโควิด

ซึ่งล่าสุดได้ฉายรอบปฐมทัศน์ ณ เทศกาลหนังเมืองคานส์ประจำปี 2021 ไปแล้วเรียบร้อย และทันทีที่ฉายจบก็ได้รับการยืนขึ้นปรบมือ (Standing Ovation) นานถึง 9 นาที ซึ่งตามรายงานบอกว่าเป็นหนึ่งในการยืนขึ้นปรบมือที่ยาวที่สุดของเทศกาลหนังเมืองคานส์ปีนี้

แถมบรรดานักวิจารณ์ก็ต่างชื่นชมและปลื้มปริ่มกับความเป็นศิลปะของหนัง รวมถึงอารมณ์ขันและการถ่ายทอดบทบาทอันยอดเยี่ยมของทีมนักแสดงระดับแถวหน้าฮอลลีวูด ไล่มาตั้ง บิล เมอร์เรย์, ทิลดา สวินตัน, ทิโมธี ชาลาเมต์, เอเดรียน โบรดี, ลีอา เซย์ดูซ์, ฟรานเซส แม็กดอร์มานด์, โอเวน วิลสัน, เบนิชิโอ เดล โทโร ฯลฯ

The French Dispatch เล่าเรื่องราวของหนังสือพิมพ์อเมริกันที่มีสำนักงานอยู่ประเทศฝรั่งเศสช่วงศตวรรษที่ 20 พวกเขาก่อตั้งนิตยสารของตัวเองขึ้นมาในชื่อ ‘The French Dispatch Magazine’ เพราะต้องการนำเสนอเนื้อหาได้อย่างอิสระ ตัวหนังมีกำหนดการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์สหรัฐอเมริกาวันที่ 22 ตุลาคม ส่วนประเทศอื่นๆ ต้องรอติดตามรายละเอียดต่อไป

โดย เวส แอนเดอร์สัน บอกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เปรียบเสมือนจดหมายรักถึงสื่อมวลชนทุกคน ซึ่งเขาขอยกความดีความชอบทั้งหมดให้แก่เหล่าบรรณาธิการและนักเขียนที่เป็นแรงบันดาลใจทำให้เกิดภาพยนตร์เรื่องนี้ อาทิ นักเขียนจากนิตยสาร The New Yorker อย่าง แฮโรลด์ รอสส์, วิลเลียม ชอว์น, ลิลเลียน รอสส์, เจเน็ต แฟลนเนอร์, เวด เมห์ธา รวมถึงนักเขียนและนักเคลื่อนไหวผิวสีชื่อดังอย่าง เจมส์ บอลด์วิน เป็นต้น

The French Dispatch หรือชื่อเต็ม The French Dispatch of the Liberty, Kansas Evening Sun เป็นการนำเรื่องราวจากคอลัมน์ต่างๆ จากนิตยสารจำลองที่ชื่อ The French Dispatch มาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์

รีวิว The French Dispatch

นอกจากงานภาพอันงดงามและเรื่องราวเปี่ยมอารมณ์ขันผ่านวิธีเล่าที่แปลกใหม่ แน่นอนว่าเวสยังสร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชมด้วยการรวมทัพนักแสดงที่ทุกคนคุ้นเคยอย่างบิล เมอร์เรย์ (Bill Murray) ที่เคยร่วมงานกับเวสมาแล้วใน Isle of Dogs โอเวน วิลสัน (Owen Wilson) และ เซียร์ชา โรแนน (Saoirse Ronan) จาก The Grand Budapest Hotel ไปรับชมที่ ดูหนังฟรี

 

 

รวมไปถึงนักแสดงที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้เห็นอย่างนางเอกสาวจาก Titanic เคต วินสเลต (Kate Winslet) เจ้าของบทบาทกรีนก็อบลินจากแฟรนไชน์ Spider-Man วิลเลม เดโฟ (Willem Dafoe) รวมถึงพระเอกหนุ่ม อเล็กซ์ ลอว์เธอร์ (Alex Lawther) จาก The End of Fxxing World ก็โผล่มารับเชิญในฉากสั้นๆ ด้วย

ก๊วนข่าวหัวเห็ดจึงเป็นภาพยนตร์ที่อัดแน่นด้วยสิ่งที่ผู้ชมกระหายใคร่อยากจะชม หลอมรวมกันและนำเสนอใหม่ผ่านวิธีการเล่าที่ไม่ซ้ำใคร ผ่านภาพและงานโปรดักชั่นเปี่ยมรสนิยมที่ต้องพูดซ้ำว่าแค่ดูโปรดักชั่นงามๆ และทัพนักแสดงมากหน้าหลายตาจากภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็คุ้มยิ่งกว่าคุ้มแล้ว!

ภาพยนตร์เล่านรูปแบบเรื่องสั้นซึ่งแต่ละตอนเป็นตัวแทนของแต่ละคอลัมน์ในแมกกาซีน โดยแต่ละตอนค่อนข้างจะมีเรื่องราวที่สุดเหวี่ยงและแหกขนบจากหัวข้อของคอลัมน์นั้นพอสมควร จากหัวข้อทัวร์เมืองสบายๆ กลับเป็นคอลัมน์ตีแผ่สังคม หัวข้อการเมืองกลายเป็นเรื่องของความรัก หัวข้อชิมอาหารกลายเป็นหนังแอ็กชั่น

ซึ่งเป็นเสมือนจดหมายรักถึงนักเขียนและนักหนังสือพิมพ์ที่มีสิทธิ์ในการถ่ายทอดเรื่องราวที่พวกเขาได้รับรู้มาตามสไตล์ของตัวเอง และซื่อตรงต่อเรื่องราว ประกอบกับสไตล์เฉพาะตัวของผู้กำกับ Wes Anderson ที่เหมาะกับเรื่องราวที่ไม่เหมือนใครนี้ได้อย่างกลมกล่อม ซึ่งเรื่องนี้ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ Wes Anderson ปล่อยของหนักมาก ดูหนังออนไลน์ 4king

 

รีวิว The French Dispatch

 

ใช้เทคนิคการเล่าเรื่องหลากหลายตั้งแต่ภาพแนสีพาสเทลอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา การทำภาพขาวดำและการฟรีซการเคลื่อนไหวให้เหมือนภาพประกอบในนิตยสาร จนถึงการใช้ Stop Motion และ Animation มาประกอบการเล่าเรื่อง แต่ด้วยความเข้มข้นสุดๆ ของบางตอน ก็อาจทำให้อีกตอนดูน่าเบื่อไปได้เหมือนกัน

 

ความรู้สึกหลังดู

เมื่อเราไปดูหนังของ Wes Anderson เรารู้ดีว่าจะคาดหวังอะไร ใน French Dispatch เวส แอนเดอร์สันให้ทุกสิ่งที่เราคาดหวังแก่เรา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเน้นไปที่สุนทรียศาสตร์มากเกินไปและน้อยลงในบท ภาพยนตร์เรื่องนี้คล้ายกับภาคต่อจิตวิญญาณของ Grand Budapest Hotel แต่ขาดตัวละครที่แข็งแกร่งและบทภาพยนตร์ความเร็วสูง ไปรับชมเลยที่ ดูหนังออนไลน์

 

 

The French Dispatch เป็นกวีนิพนธ์เกี่ยวกับ 3 ส่วนในหนังสือพิมพ์ที่ตั้งอยู่ในเมืองฝรั่งเศส แต่ละเรื่องเป็นสิ่งที่เวส แอนเดอร์สันไม่เคยทำในภาพยนตร์เรื่องก่อนๆ ของเขา เขาพยายามถ่ายทอดถ้อยคำทางการเมืองที่มักจะไม่ราบรื่น ดาราดังไม่จำเป็นสำหรับหนังเรื่องนี้แต่ก็มีอยู่แล้วและนักแสดงชั้นนำหลายคนก็ถูกใช้งานอย่างไม่ลดละ

ข้อดีที่ใหญ่ที่สุดของ French Dispatch คือมีการออกแบบการผลิตที่น่าทึ่ง ดนตรีประกอบ ภาพยนตร์ และเครื่องแต่งกาย การทดสอบด้านสุนทรียศาสตร์ผ่านการทดสอบด้วยสีสันสวยงาม อาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เราเคยเห็นในภาพยนตร์ของเวส แอนเดอร์สัน ในการชมครั้งแรก ภาพยนตร์เรื่องนี้ค่อนข้างรู้สึกเหมือนถูกลดทอนเมื่อเทียบกับงานก่อนหน้าของเขา แต่การดูซ้ำอาจช่วยเพิ่มมรดกได้

สำหรับฉันแล้ว ภาพยนตร์ของ Wes Anderson บางเรื่องก็เหมือนการไปงานปาร์ตี้โดยที่ไม่รู้จักใครและต้องทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะพบว่ามันสนุกหรือบางทีอาจจะเดินทางไปต่างประเทศที่คุณพูดภาษานั้นไม่ได้

ฉันสนุกกับหนังเรื่องล่าสุดของ Wes Anderson ที่ฉันดูเรื่อง The Grand Budapest Hotel แต่ The French Despatch แพ้ฉันประมาณครึ่งทางหรือมากกว่านั้นจนทำให้ฉันเบื่อไปครึ่งทาง ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่กระตุกภาคไทย

 

 

รีวิว The French Dispatch

 

แน่นอน ฉันซาบซึ้งในความคิดริเริ่มของ Wes Anderson และวิสัยทัศน์อันเป็นเอกลักษณ์ของเขา ซึ่งทำให้ภาพยนตร์ของเขาดูมีสีสันและสไตล์ที่มีเอกลักษณ์ แต่สำหรับฉันไม่สามารถเสแสร้งว่าได้รับความบันเทิงถ้าฉันไม่สนใจหรือมีส่วนร่วมในภาพยนตร์ที่ฉันกำลังดูอยู่

ฉันแน่ใจว่าทุกคนที่เกี่ยวข้องใน The French Despatch มีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมและสนุกกับประสบการณ์นี้ แต่ฉันไม่เข้าใจเรื่องตลก

ฉันชอบแนวตลกประชดประชันและเสียดสี แต่เวส แอนเดอร์สัน ฉันรู้สึกว่าบางครั้งใช้แทนเมล บรู๊คและตัวละครของเขาได้แย่ ในขณะที่การพูดเกินจริงก็ไม่ได้ตลกเสมอไป

ฉันไม่ได้พูดถึงแนวความคิดที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการส่งเสริมในฐานะภาพยนตร์ตลกกวีนิพนธ์ที่เขียน กำกับ และอำนวยการสร้างโดยเวส แอนเดอร์สันจากเรื่องราวที่เขาคิดขึ้นกับ Roman Coppola, Hugo Guinness และ Jason Schwartzman ไปดูกันเลยที่เว็บดูหนังฟร

 

 

 

นักวิจารณ์คนหนึ่งบรรยายภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า “บทกวีรักเพื่อจิตวิญญาณของการสื่อสารมวลชน” French Dispatch อยู่ในสี่การกระทำที่ไม่เกี่ยวข้อง – แต่ละคนสะท้อนให้เห็นถึงการเสริมโดยนักข่าวไปยังหนังสือพิมพ์อเมริกันที่มีชื่อเสียงซึ่งตั้งอยู่ในเมืองฝรั่งเศสในสมัยศตวรรษที่ 20 ที่สมมติขึ้น

เห็นได้ชัดว่าผู้ชมบางคนชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ในความคิดของฉัน ภาพยนตร์เรื่องนี้พยายามที่จะพูดให้ฉลาดเกินไป และไม่ใช่หนังที่ฉันแนะนำได้ ชื่นชอบการรีวิวของเราสามารถติดตามการรีวิวได้ที่นี้ทีเดียวเว็บรีวิวหนัง