รีวิว รักวุ่นวายของนายนักชิม

ใครที่คิดถึงเรื่องราวความรักแบบ Cinderella Story แนวถนัดของวงการ K-Series เป็นต้องตกหลุมรักซีรีส์รอมคอม “BusinessProposal I นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน” เมื่อการไปนัดบอดแทนเพื่อนสนิทได้เปลี่ยนชีวิตสาวออฟฟิศคนหนึ่งไปตลอดกาล เพราะหนุ่มที่เธอนัดบอดดันเป็นท่านประธานบริษัทที่เธอทำงาน ดูได้ที่ ดูหนัง

รักวุ่นวายของเจ้าชายฟอร์มจัดกับสาวจอมโก๊ะจึงเริ่มต้นขึ้นแล้วยังพรั่งพร้อมด้วยทีมนักแสดงหน้าตาดีที่จะมาเขย่าหัวใจชาวติ่งให้ฟินสุดๆ เพราะซีรีส์เรื่องนี้ทั้งน่ารักและสนุกชนิดเบลอเรื่องเครียดในชีวิตจริงกันไปเลย!นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน (2022) เป็นซีรีส์แนวโรแมนติก-คอเมดี้ที่มาแรงไม่แพ้อากาศร้อนระอุในเมืองไทยด้วยบทแนวถนัดเอกลักษณ์ของ K-Series เข้าทำนองพระเอกหล่อปานเทพบุตรฉลาดขั้นสุดเก่งรอบด้าน

และต้องเป็นทายาทตระกูลมหาเศรษฐีของเกาหลีใต้ด้วยนะเออ แต่แล้วคิวปิดกลับทำให้เขาตกหลุมรักกับสาวออฟฟิศธรรมดาๆ (ที่ผู้หญิงหลายคนภาวนาอยากให้เกิดขึ้นกับชีวิตจริงของตัวเอง) แม้จะออนแอร์ได้เพียงไม่กี่ตอน แต่ความสนุกปนฮาก็พาซีรีส์ยืนหนึ่งติดอันดับท็อป 10 ของ Netflix ไปอีกหนึ่งเรื่องในเดือนมีนาคมนี้

รวมทีมนักแสดงหน้าตาดี ที่ทำให้ซีรีส์น่าติดตาม
คงต้องบอกว่า ความสนุกของ Business Proposal I นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน อยู่ที่ความตลก ดูง่าย ไม่ซับซ้อน เตรียมนอนฟินจิกหมอนตามระเบียบ เนื้อเรื่องเดาทางได้และเป็นแนวคลาสสิคที่หลายคนชื่นชอบ มีความละครซ้อนละครอีกทีเพิ่มดีกรีความตลกให้น่าติดตาม

ดัดแปลงจากเว็บตูน “The Office Blind Date” นำเสนอเป็นซีรีส์ 16 ตอน ๆ ละ 60 นาที ผสมวิธีเล่าเรื่องสไตล์ MV ในบางซีนเพื่อความกระชับ ปรับสีสันให้สดใส ดูเหนือจริงไปบ้างแต่ก็ไม่ได้ขัดเขินเกินเบอร์จัดว่าเป็นซีรีส์เลอค่าสำหรับคนที่โหยหาความตลกและเสียงหัวเราะ ในช่วงเวลาที่มีแต่ข่าวเศร้า ดราม่าโรคระบาด และข่าวสงครามให้ตามลุ้นกันรายวัน

อีกหนึ่งความดีงามต้องยกให้ทีมนักแสดง “งานดี” จนนี่ไม่รู้จะตกหลุมรักใครก่อนดี ทั้งพระเอกหล่อขั้นเทพ “อันฮโยซอบ” (จากซีรีส์ Lovers of The Red Sky) ในบทของท่านประธานคังแทมู เพอร์เฟ็กต์แมนที่แอบมีความซื่อใสในเรื่องของความรัก ขนาดนางเอกปลอมตัวมาแค่เปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวและเมคอัพเท่านั้นก็แยกไม่ออกแล้ว

หรือพ่อคุณเอ๊ยอีกคนที่ทำเอาหลายคนตกหลุมรักก็ต้องพระรองหน้าใสนัยน์ตาชวนเคลิ้มฝันเจ้าของฉายา “พ่อหนุ่มยิ้มละลาย” (สาว ๆ ก็ตายกันไปเลยสิค้า) อย่าง “คิมมินกยู” ผู้มารับบทเลขาฯ ชาซองฮุนหนุ่มมาดขรึมสุภาพบุรุษสุดซอยอดีตเด็กกำพร้าแต้มบุญนำพาให้เขาเป็นน้องชายของท่านประธาน

เช่นเดียวกับนักแสดงสมทบฝ่ายชาย ที่ขายความหน้าตาดีและมีเสน่ห์ไม่แพ้กันอย่าง “อีมินอู” รับบทเป็นเชฟซงวอนซ็อก หนุ่มหน้าใสรอยยิ้มละมุนเพื่อนสนิทที่นางเอกแอบหลงรักมานานหลายปี แต่เขาก็ดูท่าทีไม่มีใจและเปิดตัวแฟนทำร้ายจิตใจอันเปราะบางของนางเอกอีกต่างหาก

ถึงอย่างนั้นก็มีบางโมเม้นท์ที่ชวนให้เราคิดไปว่า บางทีเจ้าตัวอาจจะแอบชอบนางเอกอยู่ลึกๆ แค่ไม่รู้ใจตัวเองด้วยความใกล้ชิดสนิทสนมเหมือนเพื่อน

ส่วนนักแสดงฝ่ายหญิงก็หน้าตาดีและฝีมือไม่เป็นสองรองใครเช่นกัน นำแสดงโดยนักแสดงดาวรุ่งมากฝีมือ “คิมเซจอง” ผู้โด่งดังจากการเป็นไอดอลในฐานะสมาชิกวง I.O.I และ Gugudan ก่อนจะผันตัวเป็นศิลปินเดี่ยวและนักแสดง เรื่องนี้เธอรับบทชินฮารี-พนักงานสาวออฟฟิศธรรมดาที่มาพร้อมพรสวรรค์ในการชิมอาหารและทักษะด้านการแสดงติดตัว

ด้วยเหตุนี้เธอจึงได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนสาวคนสนิท “จินยองซอ” (รับบทโดย ซอลอินอา) ทายาทตระกูลใหญ่ในเกาหลีที่ไหว้วานให้เธอปลอมตัวไปนัดบอด (Blind Date) ดูตัวแทน แต่มีข้อแม้ว่า ทำอย่างไรก็ได้ให้ฝ่ายชายปฏิเสธเพื่อแลกกับเงินค่าจ้าง 8 แสนวอน

ปฏิบัติการดูซีรีย์ระห่ำแตกสลับกันสี่เรื่องได้เสร็จสิ้นลงอย่างสมบูรณ์เป็นเรื่องสุดท้ายที่ต้องไปดูสลับกับเรื่องอื่นอีก เพราะเรื่องนี้คนที่ติดตามมาตั้งแต่ซีซันแรก(รวมพลคนช่างกิน ทาง Netflix)และซีซันสองคือลูกคนเล็ก ของเราเองที่เขาชื่นชอบรายการเกี่ยวกับอาหาร
ส่วนเราเองสารภาพตรงนี้ว่าไม่ได้ตามดูตั้งแต่แรกเหมือนกับเจ้าตัวเล็กและคุณแม่บ้าน ทั้งนี้เพราะชื่อไทยมันเหมือนกับรายการวาไรตี้ชิมอาหารเกาหลีมากกว่าจะเป็นซีรีย์เราเลยไม่ได้สนใจและแค่เดินผ่านหรืออาจถูกลากตัวมาดูตอนฉากรับประทานเสียมากกว่า จนมาซีซันที่สามนี้เราถูกบังคับให้ดูเพราะตอนนี้ทั้งครอบครัวแปรสภาพเป็น #บ้านนี้ซีรีย์เกาหลี ไปเรียบร้อย
รีวิว รักวุ่นวายของนายนักชิม
ดังนั้นเราจึงต้องขอออกตัวว่าเราเขียนบทความนี้ด้วยความเห็นที่เป็นเอกเทศ เป็นความเห็นส่วนตัวในมุมมองของเรื่องราวที่ตัวบทและตัวซีรีย์ต้องการจะสื่อในซีซันนี้มากกว่าโดยไม่สามารถพาดพิงไปถึงซีซันก่อนๆได้เพราะเราไม่ได้ดู แต่กระนั้นถ้าไม่นับว่านี่คือซีซันที่สามแล้ว เรื่องราวสามารถเล่าได้เป็นเอกเทศและมีที่ทางของตัวเองดีอยู่มากทีเดียว
ยังคงเป็นเรื่องราวของ #กูแดยอง (#ยุนดูจุน)เจ้าหน้าที่ขายประกันผู้มีรสนิยมชื่นชอบการกินอย่างที่คุ้นเคย และมีงานอดิเรกในการเขียนบล็อคเกี่ยวกับอาหารที่เขากิน ร้านที่เขานั่งที่โด่งดังพอตัว ด้วยเอกลักษณ์ของเอกบุรุษที่เวลาได้อธิบายเรื่องอาหารจะจัดมาเป็นชุดๆแบบน้ำไหลไฟดับอ่านซับกันไม่ทัน
คราวนี้อดีตตามมาทันตัวเขาเมื่อเขาต้องมาเจอกับ #อีจีอู (#แบคจินฮี)คนที่เขาเคยรู้สึกดีในอดีตสมัยเรียนมหาวิทยาลัย โดยที่เรื่องราวตัดสลับกันระหว่างปัจจุบันที่กูแดยองมาเจอกับอีจีอูอีครั้งในปัจจุบันกับภาพจำสมัยเรียนที่เขาอยู่หอพักเดียวกับเธอที่มี #อีซอยอน (#อีจูอู)น้องสาวต่างพ่อต่างแม่แต่พ่อกับแม่มาแต่งงานกันที่ต่างกันอยู่ด้วย ภาพในอดีตจึงเป็นการเผยปฏิสัมพันธ์ระหว่างกูแดยองและผองเพื่อนกับอีจีอูและน้องสาว
ส่วนภาพในปัจจุบันที่กูแดยองได้เห็นคืออีจีอูกลับอยู่คนเดียวกับหมายักษ์ที่ชื่อเจ้าถั่ว อีซอยอนหายไปอย่างมีปริศนา แต่เมื่อการกลับมาของอีซอฮยอนคือการกลับมาพร้อมกับความล้มเหลวในชีวิตและต้องไปติดอยู่กับ #ซอนอูซอน (#อันอูยอน) หนุ่มที่เป็นญาติของเจ้าหนี้ของอีซอยอน และกลายเป็นว่าความสัมพันธ์ของอีจีอูและอีซอยอนมีรอยร้าว
และเรื่องราวในซีซันนี้คือการค้นพบรอยอดีต การยอมรับที่จะปล่อยมือ รวมไปถึงการเข้าใจและประสานรอยร้าวที่มี ผ่านการนำเสนอภาพอาหารเกาหลีและการกินของตัวละครที่ทำให้ผู้ชมกลืนน้ำลายแม้ว่าจะกินข้าวอิ่มแล้วก็ตาม
อย่างที่เราเกริ่นไว้คือเราไม่ได้ดูสองซีซันก่อนเลยไม่รู้เรื่องราวมากมายแต่ถ้าจะว่ากันที่ตัวซีซันนี้เพียวๆก็ถือว่าเป็นเอกเทศ มีที่ทางของตัวเอง เพราะแม้เราจะไม่รู้จักกูแดยอง(เคยแต่ได้ยินลูกพูดกับคุณแม่บ้าน)มาก่อนแต่เรายังดูรู้เรื่อง
และสนุกไปกับเรื่องราวได้ ด้วยเรื่องราวที่เล่าเป็นสองช่วงเวลาอดีตตัดกับปัจจุบันทำให้ตัวเรื่องแบ่งเป็นสองโทนหลักๆคือในส่วนของอดีตสมัยเรียนคือจะมีโทนของความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนกลุ่มเรียนมหาวิทยาลัยและรักแรกของใครบางคน
กับในส่วนของปัจจุบันจะเป็นโทนของความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนในครอบครัวที่ร้าวฉานและการผสานรอยร้าวนั้น ผนวกกับการค้นพบหัวใจตัวเองเมื่อหวนกลับมาเจอรักแรกที่ไม่เคยเอ่ยบอก
ซึ่งเรื่องราวทั้งสองส่วนเกี่ยวพันเกื้อหนุนกันอย่างแนบแน่นไม่มีหลุดโทน หรือเป๋ไปจากสิ่งที่บทต้องการให้เป็น นั่นคือการผูกบททำได้ดีเรื่องของความสัมพันธ์ของตัวละครและพัฒนาการซึ่งเดินมาอย่างเป็นจังหวะดีๆแต่พอถึงบทสรุปกลับไปซะดื้อๆ
รีวิว รักวุ่นวายของนายนักชิม
หาทางลงแบบตัดฉับกันไปดื้อๆทำให้ผู้ชมอย่างเราอารมณ์ค้างคือคิดไปเป็นไปไม่กล่าวลาอะไรสักคำ ทำให้เรื่องราวที่เดินทางผ่านมาแบบสวยงามและมีพลังแล้วดันมาถูกเบรคหัวทิ่มเอาตอนท้าย ไม่สิ ตอนสุดท้ายซะงั้น
แต่กระนั้นถ้าไม่นับเอาความรวบรัดในตอนท้ายเรามองว่านี่คือซีรีย์ที่ดีพอตัวในการเล่าเรื่อง ประเด็นที่จะสื่อ การเล่าเรื่องแม้จะเป็นแบบเส้นตรงไม่มีพลิกผันหรือหักมุม แต่กลับมีสีสันและงดงามในมุมที่สื่ออกมา ถ้าจะวัดกันที่ความชอบส่วนตัวเราชอบพาร์ทความเป็นอดีตที่เล่าเรื่องสมัยเรียนเมื่อกูแดยองและผองเพื่อนมีวีรกรรมวีรเวรร่วมกันมากมาย
สรวลเสเฮฮา เมาบ้างเรื้อนบ้างสร้างความขบขันได้อย่างสนุก และในส่วนของความสัมพันธ์ของกูแดยองกับอีจีอูที่บทสื่อให้เห็นว่านี่คือรักที่ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยของทั้งคู่ที่เล่าได้อย่างมีพัฒนาการและน่าเชื่อ
และยังย้อนไปให้คนดูรู้ถึงสาเหตุของพฤติกรรมการกินของกูแดยองว่ามาจากอีจีอู รวมถึงส่วนของความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องของอีจีอูและอีซอยอนที่เป็นพื้นหลักให้กับเรื่องราวพาร์ทปัจจุบันที่มีความหนักแน่นด้วยอารมณ์ชวนขัน ทั้งรักทั้งชัง และคงไว้ซึ่งปริศนาให้มาแก้กันในปัจจุบัน
ในส่วนของพาร์ทปัจจุบันที่เล่าเรื่องหลังจากความสูญเสียคนรักของกูแดยองทำให้เขาปิดใจและอยู่ด้วยความเจ็บปวดเมื่อต้องมาเจอกับอีจีอูที่แม้ฉากหน้าเขาดูเหมือนไม่มีอะไรแต่ข้างในมันชัดยิ่งกว่าชัด ทั้งนี้ในปัจจุบันอีจีอูกับอีซอยอนกลับกลายเป็นร้าวฉานอย่างเป็นปริศนา
แต่ถึงที่สุดบทก็ค่อยๆเผยสาเหตุและนำพาสองพี่น้องที่ต่างกันสุดขั้วให้กลับมาประสานรอยร้าวและเข้าใจกันในตอนสุดท้ายที่เอิ่ม หาทางลงกับแบบง่ายๆจนค้างคาใจ แต่ถ้าว่ากันที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาตัวเรื่องทำได้ดีอย่างน่าเชื่อถือและหนักแน่นพอที่จะให้คนดูเชื่อ คนดูจะเชื่อว่าถึงที่สุดกูแดยองต้องปล่อยมือจากความเจ็บปวดเพื่อเริ่มต้นใหม่ ไปดูกันเลยที่เว็บดูหนังฟร
คนดูเชื่อว่าอีจีอูยังปักใจกับรักแรกที่มีต่อกูแดยองและพร้อมจะจับมือพากูแดยองออกจากห้องมืดแห่งความเจ็บปวดนั้น คนดูเชื่อว่าแท้จริงแล้วอีซอยอนหาใช่คนเลวร้ายเพียงแต่ความพลาดผิดและอุปนิสัยทำให้เธอต้องเจอเรื่องราวที่เป็น คนดูเชื่อว่าแม้ความร้าวฉานระหว่างอีจีอูกับอีซอยอนจะเหมือนกับหนักหนา
แต่ความเป็นครอบครัวที่สื่อผ่านความรักของแม่ของอีจีอูคือฆ้อนที่ทุบกำแพงหนาระหว่างเธอทั้งสองให้ทลายลง ซึ่งถ้านับเรื่องราวเหล่านี้ที่ผ่านมาเรายอมรับว่านี่คือซีรีย์ที่สื่อสารประเด็นเยอะแยะมากมายได้อย่างเข้าถึงและสวยงาม ไม่บีบน้ำตา ไม้เค้นอารมณ์จนเกินไปให้น่ารำคาญ
แน่นอน เมื่อเป็นเรื่องของ Let’s Eat เป็นเรื่องของคนช่างกิน เป็นรักวุ่นวายของนายนักชิม แกนหลักในแต่ละตอนคือการกินและกินผ่านการโปรอาหารเกาหลีอย่างได้ผล ว่ากันตามความสัตย์
นี่คือซีรีย์ที่เสนอเรื่องของอาหารที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง(ไม่นับรายการวาไรตี้อาหาร)เพราะเสนอภาพอาหารเกาหลีได้อย่างน่ารับประทานผ่านพฤติกรรมการกินของกูแดยองและอีจีอู(กรุณานึกถึงตอนเคี้ยวอาหารแล้วทำเสียง อื้ห์ม)จนทำให้ผู้ชมอย่างเราๆน้ำลายสอไปตามๆกัน
แม้ว่าครอบครัวเราจะพยายามดูซีรีย์เรื่องนี้หลังมื้ออาหาร แต่นั่นกลับไม่ได้ผลเพราะแม้ท้องจะอิ่มแต่น้ำลายสอจนต้องกลืนน้ำลายเป็นพักๆ และถ้าไม่นับฉากกินอาหารที่นักแสดงอย่างยุนดูจุนหรือแบคจินฮีแสดงได้อย่างเข้าถึงบทบาทจนคนดูหิวแล้วในเรื่องราวส่วนอื่นๆจัดนักแสดงหลักและรองทำหน้าที่ได้ดีแม้บทจะเยอะแยะ ตัวละครจะเพียบแต่ยังไม่วุ่นวายจนล้น

รีวิว รักวุ่นวายของนายนักชิม

แต่ส่วนตัวแล้วเราชอบแบคจินฮีในบทอีจีอูมากกว่าเพราะจากการดูทั้งเรื่องเห็นชัดๆว่าเธอคือตัวเดินเรื่องและแบกประเด็นหลักของเรื่องไว้มากกว่ายุนดูจุนในบทกูแดยองเสียอีก เธอรับผิดชอบหน้าที่อย่าไม่มีที่ติในการที่จะเป็นตัวละครที่ผู้ชมรัก เป็นรักแรกที่ไม่กล้าเอื้อนเอ่ย สุขใจเมื่อชายผู้เป็นรักแรกกลับมา ระทมทุกข์เมื่อรักไม่เป็นอย่างหวัง ไปรับชมที่ ดูหนังฟรี
หนักอึ้งในใจเรื่องของแม่ที่เป็นโรคสมองเสื่อม เจ็บปวดกับความสัมพันธ์กับน้องสาวแบบทั้งรักทั้งเกลียด แบคจินฮีรับผิดชอบได้อย่างได้ใจผู้ชมทำให้ซีรีย์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวดีๆอีกเรื่องที่น่าประทับใจ แม้ว่าจะเสียหายอย่างหนักในตอนสุดท้ายก็ตาม
ฉาบหน้าด้วยเรื่องกินและเรื่องอาหาร แต่เบื้องหลังและแก่นแท้คือเรื่องดราม่าครอบครัว และความเป็นรอมคอมดีๆที่แฝงไว้อย่างลงตัว แม้ว่าจะกินทุกตอนแต่เบื้องหลังการกินมีคมความคิดในการยอมรับในเรื่องราวบางประการ ถึงที่สุดกูแดยองก็ต้องปล่อยมือจากคนรักเพื่อมีชีวิตใหม่กับคนใหม่ และมันเป็นสัจธรรมที่เวลาและชีวิตจะเยียวยาแผลนั้น
เฉกเช่นตัวเรื่องที่เสนอผ่านแหวนของกูแดยองที่ถึงที่สุดเขาก็ลืมที่จะใส่มัน และวางมันลงได้อย่างหมดใจ เพราะแม้ว่าคนอยู่อาจรู้สึกผิด หากแต่ถ้าคนที่ตายได้รับทราบจริงๆคงอยากให้คนรักใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขมากกว่าจะจ่อมจมอยู่กับทุกข์ที่ไม่ยอมปล่อยวาง ขณะเดียวกันอีจีอูก็ได้เรียนรู้ที่จะยอมรับว่าแท้จริงแล้วในใจเธอไม่เคยมีใครอีกเลยนับตั้งแต่เจอกูแดยอง
ความผิดพลาดของทั้งคู่คือการไม่ยอมเผยความนัยไม่กล้าบอกเธอ กูแดยองนั้นสามารถไปต่อได้ มีชีวิตต่อไป รักคนใหม่ได้ แต่กับอีจีอูไม่เป็นเช่นนั้น เธอยังรอคอยกูแดยองอยู่เสมอจนเมื่อกลับมาเจอกันความที่ไม่ยอมรับและคิดไปเองเกือบทำให้เกิดความพลาดผิดอีกครั้ง
จนกระทั่งเมื่อได้เผยใจออกมาจึงรู้ว่าแท้จริงแล้วต่างคนก็ต่างรอคำสารภาพของกันและกันอยู่ และคราวนี้ไม่ได้สายจนเกินไป นับเป็นซีรีย์ที่น่ากินและน่าดูอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งถ้ามีเวลาเราคงย้อนไปดูสองซีซันก่อนหน้าอีกครั้ง

ความรู้สึกหลังดู

ซีซั่น 1 : 6 เต็ม 10 เนื้อเรื่องก็ดี ธีมอาหารก็น่าสนใจ ฉากการกินนั้นยากมากเมื่อคุณหิว เพราะนักแสดงรู้วิธีกิน… การแสดงก็ดี แต่เรื่องราวความรักก็งั้นๆ ซีซั่น 2: 7 จาก 10 อาหารไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่มีความหลากหลายมากขึ้นในด้านอาหาร ไปรับชมเลยที่ ดูหนังออนไลน์

 

เรื่องราวความรักดีขึ้นด้วยเคมีที่ดีระหว่างนักแสดงหลักสองคน ฉากตลกบางฉากและการเปลี่ยนแปลงที่ยอดเยี่ยมระหว่างผู้อยู่อาศัยในตึกอพาร์ตเมนต์ รักสามเส้าเป็นเรื่องบันเทิงและความลึกลับที่น่าสนใจพอสมควร ตอนจบน่าผิดหวัง อัปเดตซีซัน 3 ในฐานะแฟนตัวยงของซีรีส์นี้ ฉันยอมรับว่าเรื่องนี้น่าจะดีที่สุดแล้ว

อย่างไรก็ตาม ตอนจบเป็นเหตุผลเดียวว่าทำไมละครเรื่องนี้จึงไม่สามารถให้คะแนน 9 เต็ม 10 ได้ ลบ: -ตอนจบเป็นไปอย่างรวดเร็วเนื่องจากการเกณฑ์ทหารนำ ดังนั้นเรื่องราวจึงไม่จบลงอย่างถูกต้อง – ความรักเป็นเรื่องดี แต่การทำให้ผู้ชายของเรากลับมาโสดอีกครั้งด้วยการฆ่าแฟนเก่าของเขานั้นค่อนข้างไม่สำหรับฉัน

เพราะฉันรักพวกเขาในฐานะคู่รักในซีซันที่สอง – บางครั้งก้าวก็เหนื่อย แง่บวก: -การแสดงยอดเยี่ยม -เรื่องราวนั้นดีที่สุดแล้ว กับคำตอบเหล่านั้น ความรู้สึกของเยาวชน แม้แต่กลับไปกลับมาก็จัดการอย่างชาญฉลาด -มีมุกตลกเล็กๆ

ซีซั่น 1 สนุกมากจริงๆ เมื่อได้ไปเกาหลีและได้กินข้าวนอกบ้าน ฉันประทับใจกับอาหารในนั้นมาก เนื้อเรื่องก็สนุก สายตาก็น่าสนใจเช่นกัน (คุ้มค่าแก่การดู). ฉันรู้สึกเศร้าเล็กน้อยที่ทำให้ผู้หญิงที่ไม่สวยกลายเป็นเป้าหมายที่ชัดเจนของเรื่องตลก ฉันรู้ว่าเธอเต็มใจแสดงบทนี้ แต่มีบางอย่างที่ไม่เข้ากับโครงเรื่องกับฉันจริงๆ

 

รีวิว รักวุ่นวายของนายนักชิม

 

ดังนั้นฉันจึงย้ายไปที่ซีซั่น 2… และความกระอักกระอ่วนของซีรีส์นี้โดดเด่นมาก มันทำให้ฉันหัวเราะและร้องไห้ทุกตอนอย่างจริงจัง นักแสดงเล่นบทได้ดีมากและถึงแม้ว่าอาหารจะไม่ค่อยเด่นในซีรีส์นี้

ซึ่งน่าผิดหวังนิดหน่อย (แต่ก็ยังทำให้ฉันอยากกลับไปบนเครื่องบินลำแรกที่ไปเกาหลีทันทีที่โรคระบาดโลกสิ้นสุดลง ) ดูแล้วสนุกและจริงๆ…ชีวิตก็ประมาณนี้สำหรับพวกเราส่วนใหญ่ถึงแม้จะไม่อยากยอมรับก็ตาม

ฉันรักการแสดงนี้อย่างแน่นอน มันสนุกและเบา ฉันอยู่ที่ตอนที่ 11 ซีซั่น 1 และฉันตั้งตารอรายการนี้ทุกวันเมื่อฉันกลับถึงบ้านทุกวัน การแสดงทำให้ฉันได้ค้นหาอาหารที่พวกเขากินจริงๆ

ฉันพบว่าตัวเองอยากขับรถไปที่ตลาดเกาหลีหรือร้านอาหารในท้องถิ่นของฉัน เพื่อที่ฉันจะได้ลองชิมอาหารที่แสดงในรายการ ตัวละครน่ารักและเนื้อเรื่องไม่หนักเกินไปจนถึงตอนนี้ ชื่นชอบการรีวิวของเราสามารถติดตามการรีวิวได้ที่นี้ทีเดียวเว็บรีวิวหนัง