รีวิว Fight for My Way

ซีรีย์เรื่อง ถือว่าเป็นซีรีย์ที่ ตลก โรเเมนติก เศร้า ครบรสอะ สำหรับเราถ้าพูดถึงซีรีย์ที่ดูแล้วมีกำลังใจสุดๆ เรื่องหนึ่งที่โผล่ขึ้นมาในใจทันทีคือเรื่อง Fight for My Way เป็นซีรีย์แนวโรแมนติดคอมเมดี้ เราชอบตั้งแต่ชื่อเรื่องเลย ถ้าแปลความหมายเป็นไทยก็คือ “สู้เพื่อฝันของฉัน” ดูได้ที่ ดูหนัง

 

 

เมื่อได้ดูแล้วก็ตกหลุมรักทุกย่างของเรื่องนี้เข้าจริงๆ เป็นเรื่องราวของพระเอกชื่อโกดงมัน (รับบทโดย พัคซอจุน) และนางเอกชื่อ ชเวเอรา (รับบทโดย คิมจีวอน) ทั้งคู่เป็นเพื่อนรักกันมา 20 กว่าปี ปัจจุบันอาศัยอยู่บ้านตรงข้ามกัน ตอนเด็กทั้งคู่มีความฝันที่พวกเขาจะไขว่คว้ามันให้ได้

โกดงมัน (พัคซอจุน) ชเวแอรา (คิมจีวอน) เบคชอลฮี (ซงฮอยุน) คิมจูมัน (อันแจฮง) เพื่อนซี้ 4 คนที่อาศัยอยู่ใน นัมอิลวิลล่า อพาร์ทเม้นท์เล็ก ๆ ในโซล ดงมัน แอรา และชอลฮี นั้นเป็นเพื่อนซี้ร่วมกันมาตั้งแต่ยังเด็ก

เมื่อ ดงมัน ที่เป็นนักกีฬาเทควอนโดย้ายมายังโรงเรียนในเมือง เขาจึงได้รู้จักและกลายเป็นเพื่อนซี้กับ จูมัน ความฝันการเป็นนักกีฬาเทควันโดของ ดงมัน ต้องจบลงด้วยเหตุผลบ้างอย่าง หลังจากเรียนจบเขาจึงเป็นได้เพียงแค่พนักงานบริษัทรับกำจัดแมลง

ส่วน แอรา ความฝันของเธอก็คือการที่ในมือถือไมค์ไฟส่องหน้า การเป็นพิธีกรหรือผู้ประกาศข่าวคือความใฝ่ฝันของเธอ ทว่าในความจริงเธอได้ทำงานประจำเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ในห้างสรรพสินค้าเพียงเท่านั้น แถมยังต้องทำงานงกๆเพื่อส่งแฟนหนุ่มเรียนกฎหมาย แต่ไม่ว่าจะกี่ครั้งแฟนของเธอก็ไม่เคยสอบผ่านสำเร็จสมดั่งตั้งใจ

ชอลฮีกับจูมัน คู่รักที่ดูเหมือนจะมีความสุขกับสิ่งที่ทำ แม้จะไม่แน่ใจว่าสิ่งนั้นจะใช่ความใฝ่ฝันหรือเปล่า ความสัมพันธ์ก็เริ่มสั่นคลอนหลังจากคบกันมานานถึง 6 ปี แต่เป็น 6 ปีที่คนในบริษัทไม่รู้เลยว่าทั้งสองคนคือคู่รัก นั่นเลยทำให้ จางเยจิน (พโยเยจิน) น้องใหม่แสนน่ารักในที่ทำงานตกหลุมรัก จูมัน รุ่นพี่ใจดีที่คอยให้ความช่วยเหลือเธอในยามลำบากทุกครั้ง

โดยพระเอกอยากเป็นนักเทควันโดทีมชาติ และนางเอกอยากเป็นผู้ประกาศข่าวหน้าจอทีวี แต่อย่างที่ทุกคนรู้กันว่าการไปถึงฝันนั้นเราต้องฝ่าฟันอุปสรรค รวมถึงปัจจัยหลายอย่างในชีวิต

สำหรับชีวิตพระเอกและนางเอกเมื่อเติบโตเป็นหนุ่มสาววัย 30 ชีวิตพวกเขากลับพลิกผันจากฝันที่วาดไว้ นางเอกปัจจุบันเป็นผู้ประชาสัมพันธ์ที่ห้างสรรพสินค้า พระเอกเป็นพนักงานกำจัดแมลง อ่านถึงตรงนี้ทุกคนคงร้องเห้ยในใจใช่ไหมคะ ตอนที่เราดูก็อารมณ์นี้เลย คิดว่าชีวิตของคนเราไม่แน่นอนจริงๆ บางครั้งก็อาจจะไม่เป็นไปตามที่เราคิด

แต่แล้ววันนึงทั้งคู่กลับลุกขึ้นมาทำตามความฝันอีกครั้ง โดยที่ไม่สนใจเรื่องอายุหรือคำหมิ่นประมาทของใครเลย ระหว่างที่ทั้งคู่ลุกขึ้นมาทำตามความฝัน ความสัมพันธ์จากเพื่อนสนิทที่รักและผูกพันกันมาก ก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นความรักในอีกรูปแบบ

ทั้งคู่ค่อยๆรู้หัวใจตัวเอง เราชอบความน่ารักของพระนางมาก เล่นได้ดี เป็นธรรมชาติ และตลกมากเช่นกัน ดูไปก็หัวเราะไป นอกจากฉากขำๆแล้ว ฉากตื่นเต้น ลุ้นไปกับตัวละครก็ไม่แพ้กัน เวลาพระเอกขึ้นต่อสู้ตอนลงแข่งในรายการ MMA ก็คือลุ้นมาก และตอนนางเอกไปสมัครเป็นผู้ประกาศข่าวจามสถานีโทรทัศน์ เราก็ให้กำลังใจเต็มที่อยู่หน้าจอ

ถ้าพูดถึงฉากที่ประทับใจ จะบอกว่ามีหลายฉากเลย แต่ที่ประทับใจเราที่สุดขอยกให้ 2 ฉากดังต่อไปนี้ค่ะ

ฉากแรกคือฉากที่พระเอกรู้สึกอยากทำตามฝันไม่ไหวแล้ว ไม่อยากมาเสียดายทีหลังแม้จะทิ้งวงการมานาน จึงรีบวิ่งไปพูดกับนางเอกว่า “ถ้าโตขึ้นแล้วความฝันจางหายไป งั้นฉันขอไม่โตดีกว่า”

ฉากที่สองคือฉากนางเอกไปสมัครเป็นผู้ประกาศข่าวที่ช่องโทรทัศน์ที่มีชื่อเสียง ต้องเจอกับผู้สมัครที่คุณสมบัติเพียบพร้อม และเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง กรรมการจึงถามนางเอกที่อายุสามสิบแล้ว แต่ยังไม่เคยสมัครและมีประสบการณ์ว่าทำไมถึงมาสมัครเอาตอนนี้ ที่ผ่านมาไปทำอะไรอยู่ นางเอกจึงตอบว่า “ฉันหาเงินค่ะ” ไปดูกันเลยที่เว็บดูหนังฟร

 

 

สำหรับสองฉากนี้เรารู้สึกว่ามันมีพลังมากเลยนะ พระนางไม่เคยลืมความฝันและไม่อยากทิ้งมันไว้ข้างหลัง แม้ต้นทุนชีวิตจะไม่ได้ดีนักและมีอุปสรรคมาขัดขวาง แต่ถ้าไม่ลองสักตั้งคงจะเสียดายน่าดู เราอยากให้ทุกคนได้ลองดูเรื่องนี้จริงๆ ดูแล้วมีไฟมาก อยากลุกขึ้นมาทำตามฝันทันทีเลย เป็นซีรีย์เรื่องที่อบอุ่นหัวใจมากๆ

เรื่องหนึ่งเลย นอกจากพัคซอจุนและคิมจีวอนแล้ว ยังมีนักแสดงที่มาสร้างสีสันอีกมากมาย เช่น อันแจฮง รับบทเป็น คิมจูมัน และ ซงฮายุน รับบทเป็น แบคซอลฮี ซึ่งทั้งคู่เป็นเพื่อนของพระเอกและนางเอกในเรื่อง

ซีรีส์เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องราวของตัวแทนกลุ่มคนวัยทำงาน ที่บางคนอาจจะหลงลืมตัวตน ละทิ้งสิ่งที่รักและถนัด ที่สามารถทำได้ดีไป ไม่ว่าจะจากเหตุผลอะไรก็ตาม พวกเขาจึงต้องพยายามดึงตัวเองให้กลับมาอยู่ในร่องในรอยอีกครั้งหนึ่ง

ในทีแรกที่อ่านเรื่องย่อกับดูไปสักตอนสองตอนแรก เหมือนว่าซีรี่ส์จะยกระดับตัวเองขึ้นไปจากซีรี่ส์เกาหลี โรแมนติก คอมเมดี้ พิมพ์นิยมได้ อาจไม่ใช่ว่ามีดราม่าความใฝ่ฝันจัดเต็มอะไร แต่ขณะนั้นคิดว่าน้ำหนักของเนื้อหาส่วนนี้น่าจะเยอะ แต่พอได้ดูไปเรื่อย ๆ ก็ได้รู้ว่าสุดท้ายแล้วเรื่องนี้ก็ยังเป็นซีรีส์ รักโรแมนติก คอมเมดี้ ตามสไตล์เกาหลีเช่นเดิม ที่เน้นความฟิน ฉากชวนจิ้น เซอร์วิสคนดู

 

รีวิว Fight for My Way

คือมีอะไรแบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าไม่ชอบหรือว่าผิดนะ ฉากเหล่านี้มันก็ได้ผลที่สร้างความสนุก บันเทิง ได้หัวเราะได้อมยิ้ม เนื้อหาในซีรีส์เองก็มีพูดถึงเรื่องความใฝ่ฝันอะไรต่างๆแทรกมาตลอด เพียงแต่เมื่อน้ำหนักการเล่าเรื่องไปอยู่ที่ความรักซะเยอะ พอถึงจุดที่เป็นดราม่าความใฝ่ฝันของตัวละคร มันเลยไม่สัมผัสความรู้สึกคนดูได้เท่าไหร่

ดราม่าของตัวละครอื่นดูไม่มีแผลอะไรใหญ่ แต่ดราม่าความใฝ่ฝันของ โกดงมัน นี่แหละที่แผลเยอะ คือตัวละครนี้มีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักกีฬาศิลปะการต่อสู้ แต่ตลอด 16 EP แทบนับฉากได้เลยที่เราจะได้เห็นตัวละครนี้ซ้อม ในตัวละครหลัก 4 คน ดราม่าของพระเอกอย่าง โกดงมัน จึงดูจะไม่สัมผัสถึงความรู้สึกคนดู เป็นพาทที่อินน้อยที่สุดแล้

แต่ดราม่าที่ได้ผลดีที่สุดกลับเป็นเรื่องราวของคู่รอง ชอลฮีกับจูมัน อาจจะเพราะมันเป็นเรื่องราวใกล้ตัวผู้คนในยุคนี้ด้วย เมื่อคู่รักพนักงานบริษัทที่คบกันอย่างลับ ๆ มานานถึง 6 ปี ดันมีคนอื่นพยายามแทรกกลาง แล้วไม่ใช่แค่เรื่องมือที่สาม

รีวิว Fight for My Way

ปัญหาบางอย่างมันก็มาจากความไม่เข้ากันใจเองของทั้งสองคน เมื่อ ชอลฮี เป็นคนที่ประหยัดทุกอย่าง และมักจะทำสิ่งต่าง ๆ ให้คนรอบข้างเสมอ แล้วความที่เธอเสียสละมากเกินไปมันเลยทำให้ จูมัน รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้น ไปรับชมที่ ดูหนังฟรี

 

เพราะมันทำให้เขาดูเหมือนเป็นคนเห็นแก่ตัว จูมัน ที่ขยันทำงานทุกอย่างเพื่อหวังก้าวหน้าในการงาน ไม่อยากพูดถึงเรื่องการแต่งงานหากเขายังไม่สามารถดูแล ชอลฮี ได้ดี แต่ฝ่ายหญิงกลับคิดอีกอย่าง

เมื่อเธอต้องการเพียงความสุขเล็ก ๆ ไม่ต้องมีเงินทองมากมาย ไม่ต้องมีบ้านหลังใหญ่ ปัญหาของคู่นี้มันเลยกลายเป็นว่า เพราะรักกันมากเกินไปต่างฝ่ายก็ต่างอยากทำให้คนที่รักมีความสุข เลยทำสองคนให้ไม่เข้าใจกัน

คู่พระนางหลักของเรื่องอย่าง ดงมันกับแอรา ดราม่าความฝันอาจจะดูเบาบาง แต่ในแง่ ความฟิน เซอร์วิสคนดู ต้องบอกว่ามาดี น่ารัก ใช้ได้เลย เมื่อซีรีส์เลือกให้ทั้งสองคนเริ่มต้นความสัมพันธ์จากคำว่าเพื่อน

ช่วงแรกของซีรี่ย์มันจึงมีฉากแนวเพื่อนรักกั๊กเพื่อน ทำตัวเป็นสุนัขหวงก้าง คอยตามปกป้องและแยกเขี้ยวใส ่ใครก็ตามที่เข้ามาทำร้ายจิตใจอีกฝ่าย ก่อนที่จะค่อย ๆ พัฒนาความสัมพันธ์เปิดเผยความรู้สึกของตัวเอง หลังจากช่วงนี้ไปซีรีส์ก็จัดความฟินแบบมาเต็มล่ะ เดี๋ยวจุ๊บ เดี๋ยวกอด กันตลอด ฮ่าฮ่า

ดราม่าของคู่ ดงมันกับแอรา ที่ดูจะชวนให้เอาใจชวนหน่อยเห็นจะเป็นช่วงท้ายเรื่อง เนื้อหาเป็นเรื่องราวที่หากใครเป็นแฟนกีฬาหมัดมวย น่าจะเคยเห็นหรือได้สัมผัสความรู้สึกของคนรัก ที่ต้องนั่งอยู่ข้างเวทีเพื่อดูการแข่งขัน

ถ้าหากคนรักเป็นฝ่ายชนะก็คงแล้วไป แต่หากเขาเป็นฝ่ายถูกไล่ต้อน มีเลือดตกยางออกแล้วล่ะก็ แม้ผู้ชายที่ถนัดเรื่องต่อยตีจะแมนแลดูปกป้องผู้หญิงได้ก็ตาม แต่เชื่อว่าคงไม่มีผู้หญิงคนไหน(หรือมี)อยากเห็นคนรักต้องเจ็บตัวแน่นอน ช่วงท้ายซีรีส์จึงตั้งคำถามกับ แอรา ว่าเธอจะทนนั่งดู ดงมัน ขึ้นเป็นยืนบนเวทีเพื่อต่อสู้ได้หรือไม่

ความรู้สึกหลังดู

สรุปแล้ว Fight For My Way (2017) เป็นซีรีส์ที่หากเน้นความจิ้นชวนฟินแล้ว ก็ทำได้ตามมาตรฐานซีรี่ย์เกาหลีเขาล่ะ แต่หากพูดถึงความกลมกล่อมก็อาจจะยังไม่ถึงกับลงตัวมากนัก พาทดราม่าความใฝ่ฝันของตัวละครเอกอย่าง โกดงมัน ไปรับชมเลยที่ ดูหนังออนไลน์

 

 

ส่วนตัวมองว่าตกหล่นไปพอสมควร กลับกลายเป็นดราม่าของคู่รอง ที่ได้ผลจับความรู้สึกของคนดูได้แทน หากมองภาพรวมแล้วก็ถือว่าเป็นซีรีส์ที่ตอบโจทย์ความบันเทิงได้ดี เบาสมอง แม้จะมีอะไรมาให้ชวนลุ้นบ้างพอให้ตื่นเต้น แต่ก็คลี่คลายได้เร็วไม่หน่วงความรู้สึกคนดูไว้นาน สายฟินน่าจะถูกใจครับ

เป็นละครที่ดีเรื่องหนึ่ง หล่อดีด้วย เรื่องราวที่วางแผนซับซ้อนนั้นเกี่ยวข้องตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่คู่รองที่มีปัญหาความสัมพันธ์ที่ยาวนานจริงก็มีความสมดุลและน่าสนใจ พัคซอจุนเหมาะสมอย่างยิ่งกับบทบาทนี้ในฐานะผู้ที่ตกอับที่แม้แต่แฟน ๆ ที่ไม่ใช่ MMA

ก็สามารถหยั่งรู้ได้ เขียนบทให้เขาได้ดีกว่า “She Was Pretty” คิมจีวอนสวยและขี้เล่นที่นี่และทำหน้าที่เป็นผู้ประกาศข่าวได้ดี นักแสดงสมทบก็น่าจดจำ เอไลจาห์ ลี รับบทเป็นอดีตแฟนหนุ่มที่น่าดึงดูด Choi Woo Shik ของปรสิตก็มีบทบาทที่น่าสนใจอย่างน่าประหลาดใจเช่นกัน

ต่างจากละครบางเรื่องที่สูญเสียกระแสนี้ค่อนข้างเกี่ยวข้องกับเรื่องที่สามเนื่องจากความลึกลับเล็กน้อยที่เกี่ยวข้องกับเจ้าของบ้านและการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นสองสามครั้ง หนึ่งในละคร K ที่เขียนได้ดีเกี่ยวกับการต่อสู้ของคนหนุ่มสาว

 

รีวิว Fight for My Way

 

ละครดีๆ ที่มีจุดหักมุม แม้กระทั่งตอนสุดท้าย เรื่องราวความรักนั้นแข็งแกร่งด้วยมิตรภาพที่เอาชนะความโรแมนติกซึ่งไม่ได้เป็นสิ่งที่ไม่ดี พลวัตของมิตรภาพนั้นค่อนข้างดีพอ ๆ กับเคมีระหว่างนักแสดงและคู่รัก เนื้อเรื่องด้านข้างก็น่าสนใจเช่นกัน ธีมศิลปะการต่อสู้ยังให้ความบันเทิงอีกด้วย

ฉากแอคชั่นถูกนำเสนอได้ดีจริงๆ และดูเป็นต้นฉบับและในชีวิตจริง และไม่ได้สร้างมาไม่ดี จึงทำให้ละครมีกำลังใจมากขึ้น นอกจากนี้ ความลึกลับในอดีตยังน่าสนใจ แต่ก็ไม่ได้น่าตื่นเต้นขนาดนั้น เพราะมันค่อนข้างแปลกและถึงแม้จะไม่ได้เพิ่มเข้าไป เรื่องราวก็ยังเหมือนเดิม สุดท้ายผลงานก็ออกมาดีเช่นกัน ชื่นชอบการรีวิวของเราสามารถติดตามการรีวิวได้ที่นี้ทีเดียว เว็บรีวิวหนัง