รีวิว Hector And The Search For Happiness

เนื้อเรื่องย่อ จิตแพทย์หนุ่มผู้ค้นพบว่าตัวเองไม่มีความสุขกับงานอีกต่อไปแล้ว จึงออกผจญภัยเพื่อคลายปมให้ตัวเอง และค้นหาที่มาของความสุขที่แท้จริง ดูได้ที่ ดูหนัง

 

ถ้าไม่นับตัวละครเสริมที่มากมายก่ายกองเสียเหลือเกิน, ตัวละครนำของเรื่องที่แบกหนังทั้งเรื่องไว้คนเดียวอย่าง Hector (Simon Pegg) ก็สมควรได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชมไปเต็มๆ หลายคนอาจไม่รู้จักนักแสดงผู้นี้ว่าที่จริงแล้วเขาคือ ‘ดาวตลกตัวพ่อ’ ของหนังอเมริกา

ซึ่งด้วยบุคลิกที่ยิ้มได้น่ารักกอปรกับหน้าตาซื่อๆ ก็ทำให้สวมบทบาท ‘Hector’ ได้อย่างหมดจด, และจุดที่ถือว่าเป็นจุดขายจริงๆของพ่อเป๊กคนนี้ ก็คือการแสดงที่ ‘เข้าถึงอารมณ์’ ผ่านทางสีหน้าที่ยอดเยี่ยม ก็นำพาให้หนังเรื่องนี้ไปถึงฝั่งฝันได้โดยสวัสดิภาพ

สำหรับฝ่ายหญิง Clara ผู้รับบทโดยดารามาแรงจากเรื่อง Gone Girl อย่าง Rosamund Pike ก็ถือว่าเป็นอีกมิติหนึ่งทีมีเสน่ห์ของนางเช่นกัน ซึ่งอาจจะเป็นนางเอกน้อยคนที่ขึ้นกล้องด้วยหน้าสดมากมาก

และบทบาท perfectionist อย่าง ‘Clara’ ก็แมชกับตัวนางแทบทุกกระเบียดนิ้ว ถึงแม้บทบาทจะไม่มากเท่าฝ่ายชาย แต่แค่ฉากลิงโลดในท้ายเรื่อง นางก็ได้ใจเราไปแล้ว

อีกตัวละครหนึ่งที่ชื่นชอบเป็นการส่วนตัว คือเจ้าอาวาสวัดในทิเบต (Togo Igawa) ซึ่งมีความนุ่มลึกในคาแร็กเตอร์ที่ค่อนข้างสูงมาก ชนิดว่าออกมาให้เราจดจำชัดๆเลย ซึ่งประโยคติดปากของแกอย่าง “มองให้สูงขึ้นอีกสิ เฮ็คเตอร์” อาจจะเป็น signature ของหนังเรื่องนี้ก็ได้กระมัง.

สตอรี่ไลน์ของ Hector and the Search for Happiness นั้น อาจจะมีความคล้ายคลึงกับหนังรุ่นพี่ที่เข้ามาฉายเมื่อปีก่อนอย่าง The Secret Life of Walter Mitty ไปบ้าง

ในแง่ของการ ‘ออกค้นหา’ เป้าหมาย-คำตอบของชีวิตโดยการผจญภัยไปในโลกกว้าง ซึ่งแน่นอนว่าจุดชูขายของหนังจำพวกนี้คือความ ‘feel good’ เป็นที่แน่นอนอยู่แล้ว แต่ในความเหมือนที่แตกต่างของหนังสองเรื่องนี้ ก็ยังมีธีมที่แตกต่างกันให้เราได้มาวิเคราะห์กัน

ธีมเรื่องที่ Hector ชูโรงนั้น คือความรักแด่คนรักเป็นแกนหลัก ซึ่งพระเอกของเราจะต้องเดินทางไปทั่วโลกเพื่อคลายโจทย์ของเขาว่า ‘คนเราจะมีความสุขได้อย่างไร?’ และได้พบพานการผจญภัยมากมายทั้วโลก

ซึ่งในจุดนี้ถือว่าแตกต่างกับ Mitty ตรงที่เรื่องนั้นจะโฟกัสไปที่จุดประสงค์ของชีวิตเสียมากกว่า, แต่แม้หัวเรื่องจะไม่เหมือนกัน แต่สุดท้ายเป้าหมายในชีวิตของคนเราก็คือ’การที่ได้มีความสุขกับคนที่เรารัก’ มิใช่หรือ?

ถึงแม้จะมีโครงเรื่องที่แข็งแรง แต่ Hector กลับขาดเสน่ห์การเล่าเรื่องไปในหลายๆตอน การแปะเรื่องในจีนดูก้าวกระโดดไปมาเหมือนเป็นแค่องค์ประกอบชุ่ยๆในเรื่อง ทำให้ความต่อเนื่องของหนังน้อยลงจนน่าใจหาย (โดยส่วนตัวไม่ชอบเลย)

แต่กระนั้นโดยรวมของตัวหนังเอง กลับพยุงตัวเองให้คนดูกลับไป feel good กันได้ต่อในช่วงองก์ท้ายของเรื่องด้วยการเก็บเรื่องที่รวบรัด และต้องยกผลประโยชน์ให้การแสดงที่ทรงพลังของ Simon Pegg นั่นเอง.

งานภาพของ Hector นั้นถือว่าค่อนข้างผิดหวัง เพราะเป็นหนังผจญโลกที่ทำภาพได้ไม่มีเสน่ห์เท่าที่ควรจะเป็น อีกทั้งยังมีการใช้ภาพสูญเปล่าค่อนข้างเยอะ (ความหมายแฝงไม่ชัดเจน) ซึ่งอาจจะเป็นส่วนที่ทำให้หนังดร็อปไป.

ส่วนที่น่าสนใจคือซาวประกอบของหนัง ที่ทำได้มีเอกลักษณ์และคุมโทนของตัวเองได้ตลอดเรื่อง (ติดหูมากๆ) ซึ่งผู้เขียนเองยังอดไปฟังซ้ำอีกรอบไม่ได้เลย

“Hector and the Search for Happiness เป็นหนังนอกกระแสที่แฝงตัวเข้ามาอาศัยอยู่ในโรงหนังอย่างเงียบเชียบ ท่ามกลางกระแสหนังดังเรื่องอื่น แต่หนัง feel good ที่ให้ความรู้สึกงดงามเรื่องนี้ก็กำลังรอให้ท่านไปค้นพบอยู่, สำหรับคนที่ยังตั้งคำถามเกี่ยวกับ ‘ความสุข’ อยู่ไม่ควรพลาดด้วยประการใดใด มีความคุ้มค่าเกินบรรยาย ”

Hector and the Search for Happiness: เฮคเตอร์ แย้มไว้ให้โลกยิ้มเป็นหนังแนวผจญภัยตลกๆ (Adventure / Comedy) สร้างจากหนังสือ Le voyage d’Hector ou la recherche du bonheur (2002) ไปดูกันเลยที่เว็บดูหนังฟร

 

 

ที่เขียนโดยนักเขียน-นักจิตวิทยาชาวฝรั่งเศสชื่อ François Lelord ที่จะพาคนดูทุกที่นั่งออกเดินทางไปค้นหาความสุขจากสถานที่ต่างๆ ของโลก เช่น เซี่ยงไฮ้ ทิเบต แอฟริกา (ไม่ระบุประเทศหรือ specific area) และ LA เพื่อกลับไปเยี่ยมแฟนเก่าสมัยวัยสะรุ่น

Hector (Simon Pegg จาก Star Trek และ Mission: Impossible – Ghost Protocol) จิตแพทย์ชีวิตดี๊ดี แต่ต้องทนฟังเรื่องราวต่างๆ ของคนไข้ที่ขาดความสุขในชีวิตซ้ำๆ ซากๆ

วันนึงเขาทนในสิ่งที่เป็นอยู่ไม่ไหวและตัดสินใจบอกกับ Clara คนรักของเขา (Rosamund Pike นางเอก Gone Girl) ว่าจะออกไปเดินทางท่องโลก และนั่นก็ทำให้ Hector ได้ก้าวเข้าสู่โลกของการผจญภัยที่สุดแสนจะงดงามและค้นพบความสุขที่แท้จริงในชีวิตอย่างที่เขาไม่เคยได้พบสัมผัสมาก่อน

เรื่องราวการผจญภัยของ Hector ค่อนข้างสะเปะสะปะ ล่องลอยไปเรื่อยๆ เหมือนชีวิตของเขาในตอนนั้น ที่ไม่รู้ว่าอะไรคืออะไร อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่คิดอะไรมาก ท่ามกลางความมั่วซั่วของเรื่องนั้น ก็ยังพอให้ความบันเทิงเบาสมองและชวนอมยิ้มอยู่ไม่น้อย

การผจญภัยของ Hector ไม่ได้หวือหวาหลุดโลกอย่างใน The Secret Life of Walter Mitty ตรงกันข้าม การเดินทางของเขากลับเหมือนปุถุชนทั่วไปอย่างเราๆ ที่แค่หาโอกาสลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำหรือไปในที่ที่ไม่เคยไป เช่น การนั่งเครื่องบิน business class, การนั่งเครื่องบินเวรี่โลว์คลาส, การกินสตูมันเทศ ฯลฯ

การค้นคว้าหาความสุขของ Hector ก็แสนจะเรียบง่ายธรรมดา เริ่มจากการไปเซี่ยงไฮ้ ที่เขาได้ลองใช้ชีวิตฟู่ฟ่าแบบมหาเศรษฐี ว่าเงินซื้อความสุขได้จริงมั้ย จนไปถึงแอฟริกา ทวีปที่ยากจน กันดาร และเต็มไปด้วยอันตรายจากการปล้นฆ่าชิงทรัพย์

เขาจะหาความสุขจากที่นี่ได้อย่างไร หรือแม้กระทั่งการกลับไปหา “คนที่เคยเรียกว่าความสุขของเขาในอดีต” มันจะยังช่วยเติมเต็มความสุขในปัจจุบันของเขาได้หรือไม่

รีวิว Hector And The Search For Happiness

แต่สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไรก็ดี ถึงแม้การเดินทางครั้งนี้ก็ทำให้ Hector ได้เรียนรู้ เข้าใจความสุข และเติบโตขึ้นได้ก็จริง แต่เราคิดว่าหนังยังไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องของการทำให้คนดูรู้สึก “อิน” หรือเติบโตไปพร้อมๆ กับตัวละครของเรื่อง ไปรับชมที่ ดูหนังฟรี

 

รีวิว Hector And The Search For Happiness

 

และถึงแม้หนังจะมี quote ข้อคิดคำคมหรือทริคการหาความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตอย่างเป็นข้อๆ ที่เข้าใจง่ายสอดแทรกตลอดเรื่อง แต่ก็รู้สึกว่าเหมือนกำลังเลคเชอร์มากเกินไป โดยการวาดรูปและจดบันทึกลงสมุด journal ของ Hector

นี่แหละ ที่ต่อให้เขาจะวาดรูปน่ารักมากแค่ไหน และทำเป็นภาพแอนิเมชั่นเคลื่อนไหวดุ๊กดิ๊กอย่างไร ภาพที่ออกมาก็ไม่ค่อยต่างกับ presentation ใน MS powerpoint หรือ Keynote ดีๆ เท่าไหร่นัก

ข้อดีของหนังคือการแสดงของ Simon Pegg ที่แค่เห็นหน้าเขายิ้มเราก็ยิ้มแล้ว และ Rosamund Pike ก็แสดงได้น่ารักเป็นธรรมชาติ สมกับเป็นว่าที่นอมินีชิงตุ๊กตาทองแห่งปี แถมบางฉากยังบังเอิญให้ความรู้สึกเหมือนนางกำลังแปลงร่างเป็น Amy Gone Girl (ในเวอร์ชั่นตลก) อีกต่างหาก ต้องไปดูเอง

โดยสรุป Hector and the Search for Happinessเป็นหนังฟีลกู้ดเบาสมอง ที่เรื่องราวอาจจะไม่โดดเด่นอะไรมาก แต่ไม่ว่าจะดีร้ายยังไง การแสดงของพระนางก็ประคองหนังไปถึงปลายทางได้แบบไม่เฉียดตกตายกลางมหาสมุทรแอตแลนติก รวมๆ แล้ว ดูแล้วก็คลายเครียดดี ชวนยิ้ม และให้แรงบันดาลใจ เหมาะแก่การดูต้อนรับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในปีใหม่ 2015 นี้เลยทีเดียว

ความรู้สึกหลังดู

หลังจากที่ได้ดูเรื่องนี้แล้ว ฉันก็เข้าใจได้เลยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ของ Simon Pegg เข้ามาอยู่ภายใต้เรดาร์ได้อย่างไร ไม่เหมือนกับภาพยนตร์หลายเรื่องของเขาที่เปิดให้มีการประโคมข่าวใหญ่และขายตั๋ว เรื่อง “Hector and the Search for Happiness” เข้าและออก ส่วนใหญ่เป็นเพราะว่าไม่ใช่หนังที่ดีนัก ไปรับชมเลยที่ ดูหนังออนไลน์

 

รีวิว Hector And The Search For Happiness

 

เฮคเตอร์เป็นจิตแพทย์ที่มีชีวิตที่ดีและเป็นระเบียบ ขณะที่เขาอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์สุดหรูในเมืองที่มีราคาแพงที่สุดแห่งหนึ่งของโลกและมีทุกอย่างที่จำเป็น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักว่าเขาไม่เข้าใจว่าความสุขคืออะไร คนงี่เง่าคนใดจะมีความคิดบางอย่าง

แต่คนขี้ขลาดคนนี้บ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้และตัดสินใจว่าจะเดินทางไปในสถานที่ที่แปลกประหลาดที่สุดในโลกและแสวงหาความสุข ทำไมเขาถึงเลือกจีนและแอฟริกา (โดยเฉพาะส่วนที่อันตรายยิ่ง)

ฉันไม่มีความคิด และตัวละครก็ดูเหมือนไม่ค่อยมีความรู้ นอกจากนี้ บางครั้งการแสวงหาความสุขของเขาก็ดูมีอัตตาอย่างเหลือเชื่อและการเชื่อมโยงกับตัวละครหรือความห่วงใยในการค้นหาของเขานั้นยากมาก…หากไม่เป็นไปไม่ได้

สิ่งสำคัญที่สุดคือแทนที่จะเป็นภาพยนตร์ที่จริงจัง อัตถิภาวนิยมเกี่ยวกับความหมายของชีวิตหรือตลกที่ฉลาด คุณมีภาพยนตร์ที่ไม่ค่อยเหมือนกัน และตอนนี้ฉันคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่สนุกเป็นพิเศษ พลาดที่ชัดเจน

มีภาพยนตร์ที่ดี หรือแม้แต่ยอดเยี่ยมใน ‘Hector and the Search for Happiness’ ด้วยคอนเซปต์และนักแสดง มันจึงมีศักยภาพมหาศาล

น่าเสียดายที่ไม่มีที่ไหนใกล้พอสำหรับคอนเซปต์และในขณะที่นักแสดงทำทุกอย่างก็สามารถนำมาใช้ได้ดีขึ้นและดีขึ้น แนวความคิด การค้นหาความสุขของตัวละครในหัวข้อนั้นยอดเยี่ยมมาก รู้สึกทึ่งจริงๆ ที่เห็นว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำอะไรได้บ้างกับสิ่งที่ดูเหมือนไม่มีคำจำกัดความ (เช่น ความงาม ความรัก และความจริง)

แล้วก็มีนักแสดงที่ทุกคนประกอบด้วยนักแสดงมากความสามารถ ตั้งแต่ Simon Pegg นักแสดงตลกที่มีพรสวรรค์ Toni Collette ที่เก่งเสมอไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม โรซามุนด์ ไพค์ นักแสดงสาวที่สวยที่สุดคนหนึ่งที่อยู่รอบๆ

อารมณ์ขันตั้งแต่ช่วงนาทีแรกๆ ที่งี่เง่าอย่างแท้จริง ไม่ได้ทำให้ขบขันแม้แต่น้อย ยกเว้นพลัมเมอร์ มักจะเป็นเรื่องไร้สาระและน่าอึดอัดใจจริงๆ นอกจากนี้ยังมีเรื่องหนักใน schmaltz และ clichés ที่น่าเบื่อหน่าย ชื่นชอบการรีวิวของเราสามารถติดตามการรีวิวได้ที่นี้ทีเดียว เว็บรีวิวหนัง