รีวิว Grown Ups

หลังจากในภาคแรกที่พวกเขาทั้ง 5 คนกลับมาร่วมงานศพของครูฝึกทีมบาสเก็ตบอลในสมัยเด็กที่เมืองบ้านเกิด และพากันอยู่ฉลองกันต่อ จนกระทั่งเกิดเรื่องราวสนุกสนานวุ่ยวายต่างๆนานา ซึ่งเป็นที่ติดอกติดใจทุกคนกันแล้ว ในที่สุดทุกคนก็ตัดสินใจที่จะพาครอบครัวย้ายกลับมาอยู่ที่เมืองนี้เป็นการถาวร เพื่อที่จะได้เฮฮากับเพื่อนๆและครอบครัวของพวกเขาได้ตลอดเวลา ดูได้ที่ ดูหนัง

 

มาคราวนี้ ก็เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนในเมืองกำลังเตรียมฉลองและแผนการสนุกๆในช่วงหน้าร้อนอันสุขสันต์กับบรรดาเพื่อนเก่าหลายๆคนที่เคยเรียนด้วยกัน แถมเด็กๆก็ปิดเทอมอีก แต่ละคนเลยได้โอกาสแผลงฤทธิ์กันอย่างเต็มที่ อะไรที่เคยทำหรืออยากทำในสมัยเด็กๆ ก็ถูกขุดกลับขึ้นมาลุยกันใหม่ ด้วยความห่ามและบ้ายิ่งกว่าเดิม

เป็นหนังตลกเบาสมองที่ทำออกมาได้ดีมาก ทั้งขำ ทั้งฮาและสนุกไม่แพ้ภาคแรกเลยครับ ด้วยเนื้อเรื่องที่ยังคงคอยเซปต์ง่ายๆ ไม่มีสาระ เน้นไปที่การกระทำสุดแสบของผู้ใหญ่ที่ไม่ยอมโต บวกกับวิธีการเล่นแบบเพี้ยนๆแผลงๆบ้าๆโดนใจ ดูแล้วฮาทั้งเรื่อง ขำทุกมุข แถมในภาคนี้มีนักแสดงรับเชิญเยอะมาก เล่นกันฮาทุกคน (แม้แต่เด็กก็ยังฮา) แต่ละคนเล่นได้โคตรเป็นธรรมชาติ ไม่มีช่วงไหนน่าเบื่อเลย แถมปิดท้ายด้วยข้อคิดดีๆอีกด้วย ชอบมากครับ คุ้มค่าราคาตั๋วจริงๆ

‘Grown Ups’ ภาพยนตร์ที่จะพาคุณย้อนวัยให้หวนกลับถึงวัยรุ่นอีกครั้ง สำหรับภาพยนตร์นี้มีชื่อภาษาไทยว่า ‘ขาใหญ่ วัยกลับ’ เป็น Comedy สุดฮา เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแก๊งหนุ่มๆ สุดเฮี้ยว ที่เป็นเพื่อนซี้มาตั้งแต่สมัยเด็ก

พวกเขาได้กลับมารวมตัวกันเป็นครั้งแรก ในช่วง 30 ปีหลังจากร้างลากันมานาน พวกเขาได้กลับมาใช้ช่วงเวลาดีๆ ด้วยกันเหมือนแต่ก่อน หากแต่ครั้งนี้ไม่ได้มีแต่หนุ่มโสดเท่านั้น เพราะมีทั้งครอบครัวและเหล่าเด็กๆ รวมทั้งภรรยาตัวจี๊ดพ่วงมาด้วย การรวมตัวในครั้งนี้ทำให้พวกเขาได้กลับมารื้อฟื้นมิตรภาพอีกครั้ง ซึ่งเต็มไปด้วยความสนุกและความน่าประหลาดใจ

ภาพยนตร์เดินเรื่องไปพร้อมกับปมของแต่ละคน ซึ่งยังคงค้างคาแล้วค่อยๆ แก้ปมออกมาสู่ตอนจบอย่างสวยงาม ถึงแม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นหนังตลกแต่ความจริงแล้ว ‘Grown Ups’

 

รีวิว Grown Ups

 

เรื่องนี้สอนอะไรหลายๆ อย่าง ที่ผูกพันกับปรัชญาดำเนินชีวิตอย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นการตามหาจิตวิญญาณของมนุษย์ทำให้ผู้ชมฉุกคิดว่า ทุกวันนี้หาเงินไปเพื่ออะไร เพื่อวัตถุนิยมอย่างนั้นหรือ สุดท้ายทั้งหมดนี้มันก็เป็นแค่ความสุขฉาบฉวย

ถึงแม้การเดินเรื่องของภาพยนตร์จะมีการให้ผู้ชมฉุกคิดถึงธรรมชาติ หากแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้บังคับให้สุดโต่งไปกับการไม่สนใจต่อสังคม แต่ ‘Grown Ups’ พยายามสื่อให้เห็นว่าการเดินสายกลาง จะให้เกิดความสมดุลทั้งครอบครัว

หน้าที่การงาน และสังคม โดยการใช้ชีวิตสุดโต่งเกินไปก็เป็นเรื่องไม่ดี ไม่ว่าจะสุดโต่งที่เคร่งศีลธรรมจนเกินไป หรือสุดโต่งที่สนุกสุดเหวี่ยงจนเกินไป สุดท้ายแล้วสมดุลชีวิตที่ดีก็คือไม่ยึดติดต่อสิ่งใดนั่นเอง

‘Grown Ups’ แสดงให้เห็นถึงแนวทางในการเลี้ยงลูกโดยผู้เป็นพ่อ ไม่ว่าจะเลี้ยงด้วยการกระทำ , นำให้ดู , เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกเห็น ไม่เลี้ยงลูกด้วยคำพูด พยายามให้ลูกเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ด้วยตัวเอง อีกทั้งยังพยายามเลี้ยงลูกแบบคนธรรมดา

 

รีวิว Grown Ups

 

ให้ลูกเห็นว่าการที่จะเป็นมนุษย์ที่มีความสุขได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนพิเศษ เป็นคนเก่งสุดเพอร์เฟค หรือไม่จำเป็นต้องได้ทุกอย่าง สอนให้รู้จักรู้แพ้ – รู้ชนะ มองโลกตามความเป็นจริง ทองเห็นภาพรวม มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น

เช่น ในภาพยนตร์ตอนสุดท้ายซึ่งคุณจะเห็นได้ว่าผู้เป็นพ่อสอนให้ลูกได้รู้จักการพ่ายแพ้ สำหรับ ‘Grown Ups’ เพียงคุณปล่อยใจให้เฮฮา ไปอย่างเพลิดเพลิน มันก็จะทำให้คุณรู้สึกสนุกไปกับภาพยนตร์ของ Dennis Dugan และ Adam Sandler

สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ยกขบวนดาราสุดฮา ไปดูกันเลยที่เว็บดูหนังฟร

 

 

ย่างจัดหนักจัดเต็ม ในหนังตลกสไตล์ครอบครัว ที่มีมากกว่าความตลกหากแต่แฝงไปด้วยความอบอุ่น และ เจ็บแสบ ผสมกันไป

แรกเริ่มผมอยากดูหนังเรื่องนี้เพราะรู้สึกว่ามันน่าจะตอบโจทย์ที่อยู่ในใจผมครับ มันเป็นโจทย์แบบที่อาจเกิดกับคนมีอายุนิดๆ ได้ทุกเมื่อ

โจทย์ที่ว่าคือ “จะมีหนังที่ตัวเอกเป็นคนอายุวัยทำงาน มานั่งรำลึกอดีต แล้วก็นัดเพื่อนสมัยเด็กหรือสมัยเรียนมาทำกิจกรรมย้อนวัยเติมวันเก่าๆ บ้างไหม?”

อันที่จริงในเบื้องต้นหนังตอบโจทย์นั้นเป๊ะเลยนะครับ Adam Sandler, Kevin James, Chris Rock, David Spade และ Rob Schneider มาแสดงเป็นกลุ่มเพื่อนเก่าที่หวนมาเจอกันในงานศพของโค้ชที่พวกเขาเคารพ โดยหลังจากเสร็จงานแล้ว พวกเขาก็เลือกที่จะใช้เวลาร่วมกัน พาครอบครัวมาทำความรู้จักกัน ตามด้วยการคิดถึงวันเก่าๆ ด้วยกัน

อย่างที่บอกครับว่าพล็อตตอบโจทย์มาก และตัวหนังก็น่าจะตอบโจทย์ได้ เพราะดาราที่มาแสดงนั้นตอนอยู่นอกจอ พวกเขาก็เป็นเพื่อนกันจริงๆ ครับ… แต่หลังดูแล้ว ยอมรับว่าไม่รู้สึกอะไรนัก

คือหนังก็ดูได้เรื่อยๆ น่ะครับ มีความฮามีอะไรบ้าง แต่รสชาติหนังโดยรวมค่อนข้างธรรมดา จบแล้วจบกันไม่ประทับใจ ไปๆ มาๆ ผมรู้สึกว่าหนังสไตล์คล้ายๆ กันอย่าง American Reunion

มันกลมกล่อมลงตัวกว่าน่ะครับ อย่างน้อยดูแล้วก็เชื่อว่ากลุ่มเพื่อนในเรื่องนั่นดูมีสายสัมพันธ์ มีไมตรีเชื่อมถึงกัน ได้เห็นพวกเขาโตขึ้น รู้จักเรียนรู้สิ่งต่างๆ ดูมีเลือดมีเนื้อ พอดูจบแล้วมันก็อิ่มใจน่ะครับ

รีวิว Grown Ups

แต่กับ Grown Ups ผมรู้สึกเหมือนเพื่อนกลุ่มนี้ดูรู้จักกันผิวเผินมากๆ แต่ละคนก็ดูเหมือนจะโตแต่ตัว ดูแล้วไม่รู้สึกว่าพวกเขาผูกพันกันสักเท่าไร ตอนแรกๆ ก็พอเข้าใจครับเพราะห่างกันไปนาน ก็อาจยังห่างเหินบ้าง แต่ครั้นดูจนจบ แม้จะผ่านเรื่องอะไรต่อมิอะไรกันมาก็ไม่ได้รู้สึกว่าพวกเขาสนิทแน่นแฟ้นอะไรมากนัก ไปรับชมที่ ดูหนังฟรี

 

 

ผมพยายามหยิบเรื่องนี้มาดูรอบ 2 ก่อนจะเอาภาค 2 มาดู สารภาพว่าอารมณ์นิ่งกว่าเดิม ซึ่งแปลกใจตัวเองเหมือนกันครับ เพราะผมชอบหนังของ Adam Sandler มากนะ แล้วยังมีดาราแสนคุ้นเคยร่วมขบวนมากันเต็มจอ

แต่ความรู้สึกดีๆ ความรู้สึกสนุกแบบที่เคยได้จากหนังอย่าง The Wedding Singer, Big Daddy, Mr. Deeds, 50 First Dates, Click หรือ I Now Pronounce You Chuck & Larry มันกลับไม่มีอารมณ์นั้นในเรื่องนี้เลยจริงๆ

ไปๆ มาๆ ฉากที่ผมว่าพวกพี่แกเล่นได้เนียนและฮาสุดคือตอนมานั่งบนเก้าอี้เรียงกันเพื่อดูสาวๆ รุ่นลูกนั่นแหละครับ มาเชื่อว่าพวกเขาเป็นก๊วนเดียวกันก็ตอนนั้นแหละ

จริงๆ หนังมีประเด็นดีๆ อยู่ครับ อย่างการรู้จักทำวันนี้ให้ดี, การยอมรับยามตัวเองอายุเยอะขึ้นแล้วทำอะไรไม่ได้มากเหมือนตอนหนุ่มๆ หรือการที่เลนนี่ (Sandler) อยากให้ลูกๆ รู้จักห่างหน้าจอคอม ห่างเกมต่างๆ

อีกทั้งสารพัดเทคโนโลยี แล้วหันมาใช้ชีวิตกลางแจ้ง รู้จักเดินเล่นชมนกชมไม้และโยนหินลงทะเลสาบบ้าง ก็เป็นอะไรที่เข้าท่าครับ แต่หนังก็ไม่ได้จับประเด็นนี้มาต่อยอดสักเท่าไร อันที่จริงคือหนังพูดถึงแบบลิบๆ รู้แต่ตอนแรกพวกเด็กๆ ก็ไม่ยอมเล่น ไม่ยอมเข้าหาธรรมชาติสักเท่าไร

แต่พอดูๆ ไปผ่านกลางเรื่อง พวกเด็กก็หันมาเล่นกับธรรมชาติซะงั้น คิดในแง่หนึ่งก็คงเป็นว่า ลองพาลูกเข้าหาธรรมชาติให้มากๆ สักวันลูกก็จะเริ่มปรับตัวเข้าหามันเอง… ประมาณนั้นน่ะนะครับ

ความรู้สึกหลังดู

นี่เป็นภาพยนตร์ประเภทที่คุณสามารถดูได้เมื่อคุณต้องการปิดสมองและเพลิดเพลินกับครอบครัวของคุณ มันไม่ได้เปลี่ยนชีวิตคุณและมุขตลกหลายๆ เรื่องก็ล้มคว่ำไป แต่โดยรวมแล้วก็ยังพอทำให้มันคุ้มค่าที่จะเช่า ไปรับชมเลยที่ ดูหนังออนไลน์

 

 

โครงเรื่องมีการวางแผนอย่างมาก ท้ายที่สุด ใครจะจินตนาการได้ว่าผู้ชายห้าคนที่เล่นทีมบาสเก็ตบอลด้วยกันตอนอายุ 12 ปีจะกลับมาอีก 30 ปีต่อมาเพื่อร่วมงานศพของโค้ช! และคุณเคยคาดไว้ไหมว่าหากสิ่งนี้เกิดขึ้นจริง ๆ

แล้วพวกเขาทั้งหมดจะได้ใช้เวลาช่วงวันหยุดร่วมกัน! ไม่….อย่างน้อยก็ไม่ใช่บนโลกใบนี้! โครงเรื่องก็เลยงี่เง่า…และหนังจะดีที่สุดเมื่อไม่เกี่ยวกับโครงเรื่อง (เช่น ใครจะสนเรื่องเกมบาสเกตบอลโง่ๆ ล่ะ)

แต่ความสนิทสนมกันและเรื่องตลกโดยทั่วไปนั้นดีมาก—และสิ่งนี้ก็ประกอบขึ้นเพื่อพล็อตเรื่องห่วยๆ ไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ควรค่าแก่การดูหากฉายในทีวี—และพยายามอย่าคิดมากเกี่ยวกับสคริปต์ น่าพอใจและไม่ต้องการมาก

อย่างไรก็ตาม ให้มองหา Joyce Van Patten ในส่วนสำคัญของผู้หญิง ดีใจที่ได้พบเธออีกครั้ง อาจเป็นฉัน แต่ฉันจำไม่ได้ว่าเคยเห็นเธอในภาพยนตร์มาสักระยะแล้ว และเธอก็ดูดีอย่างน่าอัศจรรย์

ฉันไม่ใช่แฟนตัวยงของ Adam Sandler แต่ฉันชอบ Spanglish, The Wedding Singer, Reign Over Me, Happy Gilmore และ Punch Drunk Love ในขณะที่ไม่ชอบ Little Nicky, You Don’t Mess with the Zohan และ I Now Pronounce You Chuck และแลร์รี่ ฉันก็เลยคิดว่าทำไมไม่ดูในตัวอย่างก็น่าสนใจดี

น่าเศร้าที่ฉันพบว่า Grown Ups ค่อนข้างขี้เกียจ ฉันชอบรูปลักษณ์ของมัน สถานที่และทิวทัศน์สวยงามมาก การตัดต่อและการถ่ายภาพก็ดีกว่าที่คาดไว้ ซาวด์แทร็กก็ดีเหมือนกัน และฉันก็ชอบช่วง 10-15 นาทีแรกหรือประมาณนั้น ฉันไม่ชอบการแสดงมากนัก แต่มีนักแสดงคนหนึ่งที่ให้ความเอร็ดอร่อยกับการแสดงของเขาอย่างชัดเจน นั่นคือเควิน เจมส์

 

รีวิว Grown Ups

 

นักแสดงที่เหลือมีตั้งแต่เพียงพอไปจนถึงต่ำกว่าพาร์ โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากตัวละครที่ตื้นและไม่เหมือนใคร อดัม แซนด์เลอร์ทำตัวน่ารำคาญ คริส ร็อครับบทแสดงนำ การแสดงของซัลมา ฮาเย็คถูกบังคับบ่อยมาก ร็อบ ชไนเดอร์เล่นมากเกินไป

และเดวิด สเปดค่อนข้างจำกัดและต้องผ่านการเคลื่อนไหว ทิศทางไม่น่ากลัว แต่ห่างไกลจากความยิ่งใหญ่ ส่วนใหญ่ไม่มีข้อยกเว้นในขณะที่มีความเหมาะสมเป็นครั้งคราว จังหวะไม่เท่ากัน ฉากตลกบางฉากให้ความรู้สึกเร่งรีบ และฉากที่ซาบซึ้งมากทำให้รู้สึกเหมือนคนเดินถนน

สิ่งที่ทำให้ Grown Ups เสียคืองานเขียนและเรื่องราว การเขียนค่อนข้างแย่มากด้วยมุขตลกและบทสนทนาที่ซ้ำซากจำเจและบทสนทนาที่ทำให้ฉันคร่ำครวญมากกว่าที่จะหัวเราะ แล้วก็มีเรื่องราวซึ่งบางมากและสามารถคาดเดาได้โดยรวม

โดยมีฉากตลกค่อนข้างบังคับและฉากที่ซาบซึ้งค่อนข้างน่าขยะแขยง สรุปไม่ใช่การล้อเลียนอย่างสมบูรณ์ แต่ค่อนข้างขี้เกียจและไม่ได้ทำอะไรมากสำหรับฉัน 4/10 เบธานี ค็อกซ์ ชื่นชอบการรีวิวของเราสามารถติดตามการรีวิวได้ที่นี้ทีเดียว เว็บรีวิวหนัง