รีวิว Groundhog Day

เอาเป็นว่าเรื่องนี้ นับเป็นหนังfeel goodอีกหนึ่งเรื่องที่ผมมักหยิบมาดูซ้ำทุกครั้งที่รู้สึกร้อน ไม่รู้ทำไมเหมือนกันแต่ดูหนังเรื่องนี้ทีไรหายร้อนทุกที 555 พอดูเสร็จมันก็อดไม่ได้ที่จะรีวิว เอาเป็นว่าถ้าใครยังไม่เคยดูก็มาอ่านรีวิวผมเเละลองไปหามาดูเลยครับหนังสนุกมาก ส่วนใครที่เคยดูมาเเล้วก็มาพูดคุยกันครับว่าคิดเห็นยังไงกับหนังเรื่องนี้กันบ้าง ดูได้ที่ ดูหนัง

 

 

เรื่องราวของ ฟิล คอเนอร์ นักข่าวพยากรณ์อากาศหนุ่มนิสัยเสีย ที่ได้รับมอบหมายให้ไปทำข่าวพยากรณ์อากาศที่เมืองพังซูทาวน์นีย์ รัฐเพนซิลเวเนีย ในวัน Groundhog Day ที่เป็นธรรมเนียมโบราณว่าจะให้ตัวกราวด์ฮ็อกนั้น ออกมาใช้พยากรณ์อากาศต่อหน้าผู้คน

กพยากรณ์อากาศคนหนึ่งที่มีนิสัยสุดแสนจะเห็นแก่ตัว ต้องมาพบว่าตัวเองติดอยู่ในวันฉลองเทศกาลวันกราวด์ฮ็อกที่ไม่ว่าจะตื่นมากี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ยังคงเป็นวันเดิมช่วงเวลาเดิม ผู้คนมากมายที่พบเจอก็เป็นคนๆเดิม แถมยังมีเหตุการณ์ที่เหมือนเดิมซ้ำไปซ้ำมาอีกต่างหาก และเรื่องคาใจกับการแอบปิ๊งนางเอก ซึ่งนี่เองเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เขาสามารถหลุดพ้นจากวังวนของ Groundhog Day ไปได้

ซึ่งเขาเองก็ไม่เต็มใจที่ทำงานนี้เท่าไรนัก แต่เหตุการณ์ประหลาดก็เกิดขึ้น เมื่อหลังจากที่เขานอนค้างในเมืองนี้หลังทำงานเสร็จ ก็ต้องพบว่าเขากลับตื่นขึ้นมาวนเจอวันแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนทำให้เขาต้องหาทางที่จะให้ชีวิตหลุดจากลูปนี้ออกไปให้ได้

สำหรับ Groundhog Day นั้น เป็นต้นแบบของหนังวนลูปอีกหลายๆ เรื่องที่ออกตามหลังมา ด้วยพล็อตเรื่องที่น่าสนใจ ที่ว่าด้วยเรื่องของคนที่ตื่นมาวันใหม่ทีไรก็ต้องพบเจอแต่วันเดิมๆ แถมยังเป็นวันที่เขาไม่ค่อยพอใจเท่าไรอีก

อีกหนึ่งหนังดูง่ายๆ ดูสบายๆ อบอุ่นหัวใจในตำนานอีกเรื่องที่พูดถึงหนังวนลูปทีไรก็ต้องมีเรื่องนี้ติดเข้าไปในหมวดอยู่เสมอ ใครที่กำลังมองหาหนังสไตล์ฟีลกู้ดมีแง่คิดดีๆ ให้กับชีวิต ผ่านเนื้อเรื่องที่อบอุ่นดูสบายๆ ที่มีความแฟนตาซีเข้ามาผสมผสาน อย่าง About Time หรือ Click แล้ว น่าจะชอบ Groundhog Day ที่เป็นหนังที่เล่นกับเงื่อนไขเวลาเหมือนกัน

Groundhog Day วันรักจงกลม (ชื่อไทยออกจะดูไปในทางธรรมะ) เป็นเรื่องราวของ ฟิล คอเนอร์ (รับบทโดย Bill Murray) หนุ่มนักข่าวพยากรณ์อากาศนิสัยเสีย ที่ต้องไปทำข่าวในเมือง Punxsuntawney ทุกปี เกี่ยวกับเทศกาล Groundhog day ซึ่งเป็นประเพณีที่จะให้เจ้าตัว Groundhog (น้องจะออกแนวๆ หนูยักษ์ผสมกับกระรอก) เนี่ยมาทำนายสภาพอากาศ

ฟิล คอเนอร์ รับบทโดย Bill Murray

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้น เมื่อวันนี้จบลง แทนที่เขาจะได้ออกไปจากเมืองนี้เสียทีกลับกลายเป็นว่าเขาตื่นขึ้นมาในเช้าวัน Groundhog day อีกครั้ง และเหตุการณ์ทุกอย่างก็ดำเนินไป เหมือนเดิม เหมือนวันนี้ที่เกิดขึ้นในเมื่อวาน และเป็นเช่นนี้ไปในทุกๆวัน

เมื่อชีวิตมีแต่วันนี้และไม่มีพรุ่งนี้ให้ต้องกังวล อยากให้ลองใส่จินตนาการเข้าไปว่าเราจะใช้ชีวิตกันอย่างไร ? คงอยากจะทำอะไรตามใจ บ้าให้เต็มที่

ชีวิตหลายๆ วันเดียวดูเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดีกับสิ่งต่างๆ ที่ฉาบฉวย หากไม่ใช่กับบางสิ่งที่ต้องใช้เวลา เช่น ความสัมพันธ์ที่ต้องเริ่มต้นใหม่ทุกวันระหว่างเขากับ ริต้า (รับบทโดย Andie MacDowell ) สาวโปรดิวเซอร์ ที่เขาดันไปตกหลุมรักแต่เธอไม่ค่อยชอบขี้หน้าเขาเท่าไหร่

นานวันเข้าซึ่งอาจจะเป็นเดือนหรือปีที่เขาติดอยู่ในวังวนเดิม ฟิล เริ่มเบื่อหน่ายกับชีวิตในวัน Groundhog day เขาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อจะหลุดออกจากมัน แม้กระทั่งการฆ่าตัวตาย

สุดท้ายนี้ การฆ่าตัวตายจะช่วยเขาได้หรือไม่? นายฟิล จะหลุดออกจากลูปเวลานี้ไปได้อย่างไร?  แล้วจะเอาชนะใจสาวเจ้าได้ไหม ?

หากตัวคุณผู้อ่านเองก็มีอาการเดียวกัน คือกำลังติดอยู่ในวังวนซ้ำๆ กับอะไรเดิมๆ ของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ หน้าที่การงาน หรืออะไรก็ตามแต่

ในตอนท้ายของหนังคือหัวใจสำคัญที่จะพาตัวละครออกจากลูปไปพร้อมกับพาผู้ชมมาพบกับบทสรุปของหนัง ซึ่งจะให้แง่คิดและตอบคำถามเรื่องการใช้ชีวิตกับเรา ดังนั้น จึงอยากให้คุณผู้อ่านได้ลองสัมผัสด้วยตัวเอง โดย Groundhog Day ถือเป็นหนังที่ควรค่าแก่การดูสักครั้ง หรือหลายๆครั้งเลยก็ได้

รีวิว Groundhog Day

อีกหนึ่งหนังฟีลกู๊ดพล็อตล้ำในยุคสมัยนั้น ที่หยิบมาดูในสมัยนี้ก็ยังสนุก อบอุ่นหัวใจได้เหมือนเดิม กับพล็อตเรื่องเกี่ยวกับตัวละครที่ต้องตื่นขึ้นมาเจอวันเดิมๆ ทุกวัน จนน่าจะเป็นหนังเรื่องแรก (หรือไม่ก็เรื่องแรกๆ) ที่เอาพล็อตวนลูปแบบนี้มาใช้ ไปรับชมที่ ดูหนังฟรี

 

 

และสร้างความน่าสนใจได้มากๆ เพราะมันชวนให้คนดูคิดได้เป็นอย่างดี ว่าหากเราต้องติดอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นบ้างเราจะทำอย่างไร เราจะทำแต่เรื่องดีๆ ให้เวลามันผ่านพ้นไป หรือจะทำเรื่องไม่ดี เพราะคิดว่าถึงอย่างไรนั้นก็ไม่ได้มีผลกับเหตุการณ์ในวันถัดไปอยู่ดี เราจะจัดการความเบื่อ และความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันไปได้อย่างไร ซึ่งนั่นก็คือโจทย์ที่ตัวละครหลักในเรื่องนี้ต้องเผชิญ

ด้วยความที่ Genre มันเป็นหนังแฟนตาซี จึงไม่ต้องไปหาเหตุผลอะไรมากนักว่าเหตุใดตัวเอกถึงติดอยู่ในลูปเวลานี้ แต่มันทำมาเพื่อให้เราสนุกไปกับการเห็นตัวละครที่ค่อยๆ ปรับตัวและเปลี่ยนแปลงตัวเองไปมากกว่า ซึ่งก็ต้องชื่นชม Bill Murray มากในบทบาทนี้

เพราะช่างเป็นตัวละครที่มีความเป็นมนุษย์ที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวเองจริงๆ โดยในช่วงแรกนั้นเขาก็เล่นเป็นชายที่ชวนหงุดหงิดได้ใจมาก กับนิสัยขี้หงุดหงิดและไม่แยแสอะไรกับคนรอบข้างตัวเขา อีกทั้งยังห่วงแต่เรื่องของตัวเองที่สุด แต่สุดท้ายแล้วตัวละครกลับค่อยๆ มีการเปลี่ยนแปลง และมีการพัฒนาตัวเองจากวันเดิมๆ ที่วนอยู่แบบนี้

อย่าคิดนะครับว่ากะอีแค่พล็อตเรื่องที่เกี่ยวกับการจะต้องตื่นขึ้นมาในวันเดิมๆซ้ำๆกันมันดูธรรมดา มันไม่ใช่เลยผมว่ามันเป็นพล็อตที่เจ๋งมากๆเลยเเหละ ลองนึกดูว่าถ้าวันนึงคุณต้องตื่นขึ้น มาเจอกับวันเดิมสถานการณ์เดิมๆซ้ำๆกัน

เเละพอคุณหลับคุณก็จะตื่นขึ้นมาใหม่ในวันนั้นอีกครั้งซ้ำๆกันไปไม่มีวันสิ้นสุด ราวกับว่าทุกอย่างมันถูกรีเซ็ทให้กับมาอยู่จุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ถ้ามันเกิดเรื่องเเบบนี้ขึ้นกับคุณคุณจะทำอย่างไร ตรงจุดนี้เเหละครับที่ทำให้พล็อตมันดูพิเศษมากๆ

เพราะเมื่อเป็นอย่างงั้นก็เท่ากับว่าชีวิตเราจะไม่มีกรอบอะไรมาขวางกั้นอีกต่อไปแล้วเราจะทำอะไรก็ได้เท่าที่เราอยากจะทำ วันนี้เราอาจจะเป็นคนดีทำเเต่เรื่องดีๆแต่พอมาอีกวันเราอาจจะมาเป็นคนชั่วทำเเต่เรื่องชั่วๆก็ได้ จะลองผิดลองถูกซ้ำไปซ้ำมากี่ครั้งก็ไม่มีปัญหา

แต่ในขณะเดียวกันมันก็เหมือนกับคุณเล่นเกมที่ไม่มีวันจบสักวันคุณก็อาจจะเบื่อ รึไม่คุณก็ต้องอยากให้ชีวิตคุณก้าวต่อไป เช่นถ้าคุณมีแฟนคุณก็ย่อมอยากจะมีวันพรุ่งนี้กับเเฟนคุณไปเรื่อยๆแต่มันทำไม่ได้ ไปดูกันเลยที่เว็บดูหนังฟร

 

 

เพราะเมื่อคุณตื่นขึ้นมาอีกวันทุกอย่างก็จะย้อนกลับมาเป็นเหมือนเดิมผู้หญิงคนนั้นก็อาจจะจำคุณไม่ได้เเล้ว ที่ผมอยากจะบอกก็คือไอ้พล็อตเรื่องที่อาจจะดูเรียบง่ายเเบบนี้แต่หนังสามารถนำมาตีแพร่ได้หลายมุมมองจริงๆ หนังทำให้เห็นว่าวันนึงคนเราสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง ผมเลยมองว่าไอเดียเเบบนี้มันเป็นไอเดียที่ดูสร้างสรรค์และเหนือจินตนาการมากๆไอเดียนึงเลย

Groundhog Day เป็นภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยม โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นคอมเมดี้เรื่องตลกเรื่องเดียว แต่สิ่งที่ทำให้ Groundhog Day เป็นที่น่ายินดีก็คือในขณะที่มันอาจจะเป็นการลอกเลียนแบบและคาดเดาได้ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยความคิดใหม่ๆ สคริปต์มีความน่ายินดี ตลกเสมอ อ้างอิงได้และมีไหวพริบ ในขณะที่เรื่องราวมีแนวคิดที่สดชื่นอย่างน่าประหลาดใจและฉากที่ยอดเยี่ยมหลายฉาก

การถ่ายภาพยนตร์มีความสวยงาม สถานที่และมูลค่าการผลิตมีความโดดเด่นอยู่เสมอ ทิศทางของฮาโรลด์ รามิสก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน ฝีเท้าแทบไม่ล่าช้า และตัวละครทุกตัวก็น่าเชื่อถือ การแสดงก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน และเป็นหนึ่งในทรัพย์สินที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้ บิล เมอร์เรย์แสดงหนึ่งในการแสดงที่ดีที่สุดในอาชีพการงานของเขา สตีเฟน ทาโบโลว์สกี้ พลิกผันอย่างยอดเยี่ยมในฐานะพนักงานขายประกันภัยที่โง่เขลา และแอนดี้ แมคโดเวลล์ผู้น่ารักที่ไม่เคยดีไปกว่านี้

รีวิว Groundhog Day

 

GROUNDHOG DAY เป็นภาพยนตร์ตลกคลาสสิกปี 1993 ที่แสดงให้เห็นว่าสถานที่ที่ดีที่สุดคือสถานที่ที่เรียบง่าย บิล เมอร์เรย์ได้รับเลือกอย่างสมบูรณ์แบบในฐานะนักอุตุนิยมวิทยาทางทีวีท้องถิ่นที่พบว่าตัวเองถูกบังคับให้ใช้ชีวิตวันธรรมดาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ส่วนหนึ่งฉันก็กลัวเรื่องนี้เพราะความสนใจในความโรแมนติกของเขากับ Andie MacDowell โดยกลัวว่าจะมีภาพยนตร์ชวนอาเจียนอีกเรื่องในสไตล์ FOUR WEDDINGS AND A FUNERAL แต่ฉันไม่ต้องกังวลไป MacDowell ทำได้ดีมากที่นี่ (แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นของ Murray)

และความโรแมนติกก็จัดการได้ละเอียดอ่อน อย่างไรก็ตาม มันเป็นมากกว่าแค่ความโรแมนติก เป็นภาพยนตร์ที่สำรวจสภาพของมนุษย์และมีบทเรียนสำหรับทั้ง Murray และผู้ชมในการปฏิบัติต่อผู้คน เป็นเรื่องตลกมากกว่าที่จะเทศนา และพบเจอในรูปแบบที่คล้ายกับ IT’S A WONDERFUL LIFE มาก ยกเว้นในช่วงเวลาที่น่าหัวเราะอีกมากมาย

ความรู้สึกหลังดู

และถึงเเม้ว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นหนังรักแต่หนังก็ไม่ได้นำเสนอความโรแมนติกออกมาเด่นชัดอะไรมากมายนักหลอก คือมันไม่ได้มีแต่โมเม้นท์โรแมนติกจนหวานเลี่ยนน่าลำคานอะไรขนาดนั้น หลักๆแล้วหนังจะเล่าเรื่องราวที่สุดเเสนจะวุ้นวายของพระเอก ที่ต้องตื่นขึ้นมาในวันเดิมๆทุกวัน อารมณ์ ไปรับชมเลยที่ ดูหนังออนไลน์

 

รีวิว Groundhog Day

 

ในภาพรวมของหนังจะออกมาfeel goodตลอดอาจจะมีดราม่าบ้างแต่เล็กน้อยมากๆ ดังนั้นผมจึงมองว่ามันคือหนังดูง่ายและก็มีโทนที่ดูอารมณ์ดีเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยแถมยังให้ข้อคิดดีๆมากมาย เหมาะอย่างยิ่งที่จะดูกันทั้งครอบครัวเลยครับ

อีกส่วนที่อยากจะเสริมนิดนึงอันนี้อาจจะเป็นเเค่ความชอบส่วนตัวของผม คือผมค่อนข้างจะชอบบรรยากาศของเมืองที่อยู่ในหนังมากๆ แม้ทั้งเมืองจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะแต่หิมะเนี่ยแหละครับ ที่ผมชอบเพราะเมื่อได้เห็นหิมะที่ดูหนาวเย็นในหนังเเล้ว

มันทำให้ผมรู้สึกหนาวแทนขึ้นมาเลย รู้ครับมันแปลกแต่ผมรู้สึกอย่างงั้นจริงๆครับ ผมถึงได้หาหนังเรื่องนี้มาดูแก้ร้อนไง (เอาจริงๆถ้าอากาศในประเทศไทยบ้านเราเป็นอย่างในเมืองนั้นได้ก็คงจะดีเนอะ 555)

แต่ถึงแม้จะรู้สึกได้ถึงความหนาวของมันผมก็ยังสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นไปพร้อมๆกันด้วย ส่วนนึงอาจจะมาจากวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองทุกคนที่มีไมตรีที่ดีต่อกันเดินไปไหนมาไหนก็ยิ้มแย้มทักทายกันเสมอ

ดูๆไปแล้วผมยังคิดเลยว่าถึงจะเป็นเมืองในชนบทเเละมีเเต่อากาศหนาวแต่ก็น่าไปอยู่มากๆ เพราะทั่งทั้งเมืองจะเเฝงไปด้วยความอบอุ่นของมิตรภาพดีๆที่ชาวเมืองมีให้กันอยู่ตลอด

แม้ว่า GROUNDHOG DAY จะไม่ใช่หนังตลกเรื่อง Bill Murray ที่ฉันโปรดปราน แต่ก็เป็นหนึ่งในสามเรื่องตลกยอดเยี่ยมที่เขาสร้างในช่วงต้นทศวรรษ 90 และทั้งสามเรื่องก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง และที่น่าสนใจคือ แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะตลกมาก แต่ก็มีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมและน่าปวดหัวอยู่บ้าง ซึ่งปกติแล้วฉันเกลียดชังในเรื่องตลก

โครงเรื่องค่อนข้างง่าย เมอร์เรย์เล่นเป็นคนงี่เง่าหรือนักพยากรณ์อากาศทางทีวีที่ถูกส่งไปโดยไม่เต็มใจให้จัดงานประจำปีเกี่ยวกับสัตว์ฟันแทะตัวโปรดอันดับสองของอเมริกา พังซ์ซูทอว์นีย์ ฟิล ในขณะที่เขาบอกเราว่าเราจะมีฤดูหนาวที่ยาวนานและยากลำบากหรือไม่ (ประเพณีที่งี่เง่ามาก)

 

รีวิว Groundhog Day

 

ถ้าคุณถามฉัน). โดยธรรมชาติหลังจากทำสิ่งนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาจะรู้สึกตื่นเต้นน้อยกว่า แต่ก็มีอะไรมากกว่านั้น เมอร์เรย์เป็นคนงี่เง่าที่น่ารังเกียจ และเขาชอบที่จะดูถูกชาวบ้านที่ภาคภูมิใจในงานนี้ เห็นได้ชัดว่าชะตากรรมไม่มีความสุขกับเมอร์เรย์ในขณะที่เขาถูกลงโทษอย่างผิดปกติและถูกบังคับให้ทำซ้ำในวันเดียวกันนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า เหตุใดจึงไม่มีใครทราบแน่ชัด แต่ปฏิกิริยาของเขาในวันเดียวกันนั้นประเมินค่าไม่ได้ ตั้งแต่เรื่องตลกขบขันไปจนถึงแปลกไปจนถึงน่าสัมผัส

นอกจากการแสดงที่ยอดเยี่ยมของเมอร์เรย์แล้ว แอนดี้ แมคโดเวลล์ยังทำหน้าที่สนับสนุนได้ดี และผู้สร้างภาพยนตร์ได้ทำงานที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ในการจับภาพแก่นแท้ที่แปลกประหลาดของเมืองเล็กๆ ของอเมริกา ตลอดจนสร้างสคริปต์ที่มหัศจรรย์และแหวกแนว

หนังเรื่องนี้ยอดเยี่ยมมาก คุณต้องดูหนังเรื่องนี้…เดี๋ยวนี้!

ผมยกให้เป็นหนึ่งในหนังfeel goodที่ผมชอบมากๆเรื่องนึงเลย โดยรวมเเล้วมันคือหนังรักอารมณ์ดีที่ดูกันได้ทั้งครอบครัวเลยครับ แถมได้พล็อตเรื่องเเปลกๆช่วยส่งให้หนังเเอบมีความแฟนตาซีอยู่นิดๆอีกด้วย ตลอดการดำเนินเรื่องนอกจากจะทำได้สนุกมากๆเเล้วหนังยังแฝงเเง่คิดดีไว้มากและทุกคนก็สามารถเข้าถึงมันได้อีกด้วย ชื่นชอบการรีวิวของเราสามารถติดตามการรีวิวได้ที่นี้ทีเดียว เว็บรีวิวหนัง