รีวิว 21 Jump Street
ในส่วนของเรื่อง 21 Jump Street ถือเป็นหนังตำรวจคู่หูคู่ฮาที่ทำออกมาเพลินมากๆ เรื่องหนึ่งครับ Jonah Hill กับ Channing Tatum เล่นคู่กันได้พอดีพอเหมาะจริงๆ คนหนึ่งก็อ้วนเตี้ยเนิร์ดหน่อยๆ อีกคนก็เน้นใช้กำลัง ไม่ถนัดใช้สมอง ดูได้ที่ ดูหนัง
หนังประเภทนี้ดูง่ายไม่ต้องคิดอะไรมากก็จริง แต่ผมว่าคนทำก็ต้องมีกึ๋นพอล่ะครับถึงสามารถบอกเล่าเรื่องราวให้มันขำได้แบบกำลังดีแบบนี้ อันนี้ยกนิ้วให้คู่หูผู้กำกับ Phil Lord และ Christopher Miller เลยครับ พวกพี่เขาจับจุดเล่นมุขได้ดีมาก ส่วนใหญ่ก็เข้าเป้าครับ ที่ผมชอบมากๆ อย่างหนึ่งคือมุขไม่เลอะเทอะ ไม่ทำให้หนังเสียกระบวน
เรียกว่าหนังดูเอาเนื้อเรื่องก็ได้ (ว่าด้วย 2 ตำรวจปลอมเป็นนักเรียนไฮสคูลเข้าไปสืบสวนคดีค้ายาเทพติด) หรือจะดูเอาขำคลายเครียดก็ได้ อร่อยกลมกล่อมเป็นเนื้อเดียวกำลังดีจริงๆ
หนังยังแอบเซอร์ไพรส์โดยนำเอา 2 ดารานำจาก 21 Jump Street เวอร์ชันต้นฉบับ (ที่เป็นซีรี่ส์) มาโผล่เรียกเสียงฮาด้วย
2 ตัวนำเล่นได้ขำหน้าตายดีครับ Hill ก็กวนอ้วนน่าตื้บ ส่วน Tatum ก็ล่ำสูงแต่แอบทื่อได้ดี (ไม่ได้หมายถึงแสดงทื่อนะครับ แต่บุคลิกจะออกทึ่มทื่อเหมือนพวกหล่อแต่ไม่เก่งวิชาการ อะไรประมาณนั้น) แต่รายที่มาฮาได้ใจคือ Ice Cube ในบทหัวหน้าที่เน้นโวยลูกน้องเป็นสรณะ และ Rob Riggle ในบทมิสเตอร์วอลเตอร์ส รายนี้ก็มาเนิ่บแต่เรียกความขำได้พอตัว
สายลับร้ายไฮสคูล ในปี ค.ศ. 2005 “Morton Schmidt” และจ๊อคที่ด้อยประสิทธิภาพ “Greg Jenko” ได้พลาดงานพรอมที่โรงเรียนของพวกเขา เนื่องจากว่า “Schmidt” นั่นถูกปฏิเสธโดยหญิงสาวที่เขาขอไปเดทด้วย
ส่วนทางของ “Jenko” นั่นเป็นเพราะว่าเขาถูกห้ามเข้าร่วมงานเนื่องจากที่เขาคะแนนตกอย่างมาก 7 ปีต่อมา ทั้งสองได้พบกันอีกครั้งที่โรงเรียนตำรวจและได้เป็นเพื่อนกัน และก็กลายเป็นคู่หูกันในสายตรวจจักรยาน
ซึ่งพวกเขาได้พักหยุดหลังจากที่สามารถจับ “Domingo” หัวหน้าแก๊งมอเตอร์ไซด์นอกกฎหมายได้ แต่ยังไงก็ถูกปล่อยตัวเพราะเนื่องจากพวกเขาไม่ได้อ่าน ‘สิทธิของมิแรนดา’ ของ “Domingo” ไปดูกันเลยที่ เว็บดูหนังฟร
ต่อมาทั้งสองได้ถูกย้ายไปสู่แผนการฟื้นฟูยุค ค.ศ. 1980 ที่เชิญชาญด้านการสำรวจโรงเรียนมัธยมปลาย โดยกัปตัน “Dickson” ได้สั่งให้พวกเขายับยั้งการแพร่กระจายของยาในโรงเรียนมัธยมสากัน
ซึ่งทางกัปตันได้ให้ตัวตนใหม่กับทั้งสอง หลังจากนั้นก็ได้ลงทะเบียนพวกเขาให้กลายเป็นนักเรียนของที่นั่น และได้ให้ตารางเรียนเหมาะสมกับผลการเรียนครั้งก่อนๆ
โดยทางของ “Jenko” นั่นจะให้เรียนศิลปะและมนุษยศาสตร์ ส่วนทางของ “Schmidt” นั้นจะเป็นวิชาวิทยาศาสตร์ แต่แล้วทั้งสองก็หลงตัวตนใหม่ที่ได้มาซึ่งนั่นทำให้มีคนสงสัยพวกเขาแต่ก็ยังไม่มีปัญหาอะไร
ต่อมา “Schmidt” ได้ข้อมูลยาเสพติดในโรงเรียนมาจาก “Molly” เพื่อนร่วมห้องของเขา ทำให้เขาและ “Jenko” ได้ไปพบกับคนค้ายาตัวพ่อในโรงเรียนและเป็นนักเรียนดังที่ชื่อ “Eric”
ทั้งสองได้ลองยาเสพติดต่อหน้า “Eric” เพื่อไม่ให้ตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาหลุดออกมา แต่หลังจากที่ได้รับผลของยาแล้ว นั่นทำให้ทั้งสองพบว่า ความฉลาดของ “Schmidt” นั่นทำให้เขาโด่งดัง ในขณะที่ทัศนคติของ “Jenko” นั่นถูกเกลียด และแล้วทั้งสองจะสามารถยับยั้งยาเสพติดที่แพร่ระบาดในโรงเรียนได้หรือไม่
รีวิว 21 Jump Street
ท่ามกลางสูตรสำเร็จอันซ้ำซากของหนังวัยรุ่นในรั้วไฮสคูล หรือหนังในลักษณะแฝงตัวเข้ามาสืบหาคดี พร้อมเรื่องราวตลกโปกฮาที่จำเจ เชื่อว่าหลายคนอาจจะส่ายหัว และไม่คิดว่าจะสามารถทำหนังรูปแบบ นี้ให้ดูแตกต่าง และยอดเยี่ยมได้…แน่นอนว่า 21 Jump Street ก็ยังคงไม่ได้แตกต่างไปกว่าพล็อตหนัง ลักษณะนี้ซักเท่าไหร่ เพียงแต่ในความเหมือน พวกเขานำเสนออกมาได้พิถีพิถันกว่า มุกต่างๆ ดูตลกได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งเรื่องต่ำกว่าสะดือเสมอไป และเป็นอารมณ์ขันที่มีกึ๋น มียางอายมากกว่าหนังทั่วไป ไปรับชมที่ ดูหนังฟรี
21 Jump Street สร้างมาจาก TV Series ชื่อเดียวกัน เป็นผลงานในยุค 80-90 ที่มี Johnny Deep แสดงนำ…หนังฉบับล่าสุดเล่าถึง 2 คู่หู Schmidt (Jonah Hill) และ Jenko (Channing Tatum) ตำรวจนอกเครื่องแบบ ที่ต้องแทรกซึมเข้าไปคลี่คลายคดีเด็กนักเรียนคนหนึ่งที่เสียชีวิตจากยาเสพติด โดยตัวยาชนิดนี้ถือเป็นวิวัฒนาการใหม่ของยาเสพติด ที่ผู้เสพจะคลั่งถึง 4 ระดับ มีฤทธิ์ร้ายแรง ที่พวกเขา จำต้องสืบหาผู้ขาย และสาวถึงต้นตอของแหล่งผลิต เพื่อจำกัดขอบเขต ก่อนที่ตัวยาจะแพร่กระจาย ไปสู่เขตอื่นๆ และยังจะถือเป็นการเรียกความเชื่อมั่นของทั้งคู่ ในการปิดคดีแรก ของการทำหน้าที่ตำรวจ อีกด้วย
สิ่งที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งของ 21 Jump Street คือ ถึงแม้สถานการณ์ในหนังหลายต่อหลายครั้งจะล่อแหลม และเปิดช่องกว้างให้ตัวหนังสามารถเล่นฉากตลกสกปรก ต่ำกว่าสะดือได้มากมายก่ายกอง แต่หนังก็
ไม่ได้ตกไปสู่หลุมพรางอันสกปรก มักง่าย ที่ผู้ชมคุ้นเคยตามแบบฉบับของหนังตลกในรั้วไฮสคูลทั่วไป
ต้องขอชม 2 ผกก. หนุ่ม Phil Lord , Chris Miller ที่ส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่สถานการณ์อันตลกโปกฮา ในลักษณะผิดที่ผิดทาง กริยาท่าทาง รวมถึงคำพูด อันน่าขำขันมากกว่า เรื่องทะลึ่งตึงตัง…ซึ่งหนังเรื่องนี้
ทำให้ผู้ชมสามารถฮาได้แบบเต็มปากเต็มคำ โดยที่ไม่รู้สึกสะอิดสะเอียนแต่อย่างใด
ตัวละครหลักทั้งสองที่แตกต่าง และมีเสน่ห์เป็นของตัวเอง คนหนึ่งร่างกายล่ำสัน เก่งเรื่องภาคสนาม ส่วนอีกคนก็เก่งข้อเขียน แต่อ่อนประสบการณ์เรื่องรัก ไม่ถนัดเรื่องใช้กำลัง และมักจะทำเรื่องเปิ่นๆ อยู่เสมอ..มีสถานการณ์ที่ทำให้พวกเขาอยู่ในภาวะ ‘หัวอกเดียวกัน’ ก่อนจะค่อยๆ พัฒนาแปรผันจนเป็น เพื่อนซี้กันในที่สุด…พวกเขาต่างฝ่ายต่างเติมเต็มให้กันและกัน และเป็นความแตกต่างของคู่หูที่ไม่สร้าง ความรำคาญตามแบบฉบับของตำรวจคู่หูผิวสีในหลายเรื่อง
จากความสำเร็จของ Moneyball (2011) ที่ส่งผลให้ Jonah Hill ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง Oscar ในสาขา นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมมาแล้ว…รวมถึงฝีไม้ลายมือในการแสดงผลงานอย่าง Superbad (2007) ิย่อมการันตีคุณภาพได้เป็นอย่างดีว่า เขาไม่ใช่แค่นักแสดงตลกดาดๆ…Jonah Hill ถ่ายทอดบท Schmidt ออกมาได้ตลก น่าหยิก มีสีสัน และสอดรับกับบุคลิกแมนๆ แข็งกร้าวของ Channing Tatum ได้เป็น
อย่างดี
ถือเป็นช่วงที่แฟนๆ ของ Channing Tatum คงได้เห็นเขาบนจอจนตาแฉะ เพราะนอกจากความประทับ ใจใน Magic Mike แล้ว ก็ยังมีหนังอย่าง The Son of No One ที่เข้าฉาย และ G.I Joe 2 ที่เลื่อนไป ในต้นปี 2013 อีกด้วย…สิ่งหนึ่งในหนังเรื่องนี้ ที่ทำให้เราทึ่งก็คือ Channing Tatum และ Ice Cube สามารถเล่นหนังตลกได้..!!?? โดยในรายของ Ice Cube แร็พเปอร์ชื่อดัง ที่แทบจะเรียกรอยยิ้มได้ทุก ครั้งที่ปรากฏตัว รวมถึงนักแสดงประกอบคนอื่นๆ ที่ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม…. โดยเฉพาะ Surprise ในช่วงท้ายเรื่อง ที่เป็นทั้งจุดหักมุม และ Climax ของเรื่องที่จะเรียกรอยยิ้มให้กับ
ผู้ชม ในชนิดที่เรียกได้ว่า ยิ้มแก้มปริไม่หุบกันเลยทีเดียว
ถึงแม้ว่าจะเป็นหนังตลกเบาสมอง ที่ดูเหมือนจะไร้พิษภัย แต่ด้วยประเด็นยาเสพติดที่หนังนำเสนอ รวมถึงคำหยาบที่ตัวละครพูด มันรุนแรงมากพอที่จะบอกว่า มันไม่ใช่หนังตลกสำหรับทุกเพศทุกวัย น่าเสียดายที่หนังเรื่องนี้ไม่ได้เข้าฉายที่เมืองไทย…แต่มันก็มีข้อดีบางอย่างที่คาดไม่ถึง นั่นคือ ผู้ชม สามารถเลื่อนแถบเพื่อดูฉากตลกโปกฮาต่างๆ ย้อนกลับซ้ำไปซ้ำมาได้อีกหลายรอบ จนกว่าจะสาแก่ใจ ในแบบที่ไม่สามารถทำได้หากชมในโรงภาพยนตร์ (อย่างไรก็ตาม ตามความคิดของผู้เขียน การชมที่ โรงภาพยนตร์ ก็ยังให้อรรถรสที่มากกว่าอยู่ดี)
สุดท้ายจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ต้องถือว่า 21 Jump Street เป็นหนังเบาสมองที่เจ๋ง และ Entertain ผู้ชม มากๆ เรื่องหนึ่ง ที่ไม่น่าพลาด…จนอดที่จะเฝ้ารอชมภารกิจครั้งต่อไป ของคู่หูคู่นี้ไม่ได้เลยจริงๆ สมควรล่ะครับที่หนังดัง (ลงทุน $42 ล้าน ได้คืนมา $200 ล้านจากทั่วโลก) ก็ทำออกมาฮาเพลินเจริญขำขนาดนี้ 555 ไปรับชมเลยที่ ดูหนังออนไลน์
ความรู้สึกหลังดู
นี่ไม่ใช่ 21 Jump Street ที่ฉันจำได้จากยุค 80 อย่างแน่นอน รายการเปิดตัวจอห์นนี่ เดปป์ในฐานะดารามีช่วงเวลาที่ตลก ซึ่งมักจะจัดทำโดยปีเตอร์ เดอลุยส์ แต่ตอนต่างๆ เหล่านี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับหัวข้อที่จริงจังมาก และหลายตอนก็เป็นละครที่โดดเด่นโดยที่ไม่ต้องมีเสียงหัวเราะ นี่ไม่ใช่กรณีที่คุณมีตำรวจสองคนที่อาจจบการศึกษาจากโรงเรียนตำรวจที่ George Gaynes เป็นผู้บัญชาการ โปรแกรม
Jump Street แบบเก่าที่อยู่ในโบสถ์ร้างกำลังฟื้นคืนชีพมาเป็นเวลานับพันปี และ Jonah Hill และ Channing Tatum ได้รับเลือกให้เข้าร่วมรายการนี้เนื่องจากท่าทางที่อ่อนเยาว์ของพวกเขา ไอซ์ คิวบ์ กัปตันที่ค่อนข้างใจร้อนของพวกเขาส่งพวกเขาไปโรงเรียนมัธยมเพื่อทำลายแหวนยาเสพติดหลังจากนักเรียนคนหนึ่งเสียชีวิต ทั้งสองจัดการเพื่อให้ไม่ตรงกันปกของพวกเขา
แต่ดูเหมือนว่าจะทำงานได้ดีสำหรับพวกเขาอย่างไม่น่าเชื่อ ทาทั่มและฮิลล์มีประวัติบางอย่างระหว่างพวกเขา ทาทั่มเป็นจ๊อคยอดนิยมและนักวิชาการที่เรียนไม่จบ ฮิลล์เป็นเด็กเนิร์ดที่ไม่สามารถให้เพศตรงข้ามมามองเขาได้ สำหรับเขา ภารกิจนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่เขาแทบไม่ใส่ใจกับงานที่ได้รับมอบหมาย จากการโฆษณา ฉันรู้ว่าฉันจะไม่ได้รับ 21 Jump Street ที่คุ้นเคยแบบเก่า
นอกเหนือไปจากการปรากฎตัวของซีรีส์บางเรื่องในสมัยนั้น แต่ฉันเคยเห็นมันมาทั้งหมดแล้วและทำได้ดีกว่าแม้กระทั่งในภาพยนตร์ของโรงเรียนตำรวจ ซึ่งไม่เคยแสร้งทำเป็นตลกเกี่ยวกับตัวส่วนร่วมที่ต่ำที่สุด ภาพยนตร์เรื่องนี้มีช่วงเวลาที่ตลกขบขัน แต่จะทำให้คนที่คิดว่าพวกเขากำลังจะได้เห็นเวอร์ชันจอใหญ่ของสิ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงปลายยุค 80 ชื่นชอบการรีวิวของเราสามารถติดตามการรีวิวได้ที่นี้ทีเดียว เว็บรีวิวหนัง
