รีวิว Yes Day

วันนี้ห้ามเซย์โน เป็นภาพยนตร์แนวครอบคอมเมดี้จาก netflix Original ที่จะทำให้คุณตั้งคำถามกับการตีกรอบของชีวิตเพียงแค่คำเดียวคือ “ไม่” เป็นหนังที่เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี และที่แนะนำมากที่สุดก็คือพ่อและแม่ ดูแล้วอาจจะตั้งคำถามกับตัวเองว่าทุกวันนี้เราเลี้ยงลูกแบบไหน ดูได้ที่ ดูหนัง

 

 

ในส่วนหนังเล่าเรื่องของ อลิสัน มีสาวที่เออออห่อหมกกับทุกอย่างในชีวิต ไม่เคยปฏิเสธกับอะไรทั้งสิ้น เปิดโอกาสให้ตนเองได้รับสิ่งใหม่ ๆ เปิดโอกาสให้ตนเองได้ผจญภัย ทำอะไรที่ท้าทายอยู่เสมอ แต่แล้ววันหนึ่งเธอได้พบกับผู้ชายคนหนึ่งที่มีนิสัยและบุคลิกเหมือนเธอคือ เป็นคนที่ไม่ปฏิเสธ และเออออห่อหมกกับทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเช่นกัน ทั้งสองคนรักกัน ผจญภัยไปพร้อมพร้อมกัน ไม่มีอะไรกีดกันชีวิต

ซึ่งแล้ววันหนึ่งอลิสัน ก็ตั้งท้อง เธอคลอดลูกจาก 1 คนเป็น 3 คน เคธี่พี่สาวคนโต นันโดพีี่ชายคนรอง และเอลลี่น้องสาวคนเล็กแล้วชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไป จากทั้งชีวิตไม่เคยพูดคำว่าไม่เลย แต่พอมีลูกเล็ก เธอกับไอ้คำว่าไม่วันหนึ่งหลายครั้ง

โดยเฉพาะการห้ามลูกไม่ให้ทำอย่างนั้น ไม่ให้ทำอย่างนี้ ห้ามไม่ให้กระโดดบนเตียงนอน ไม่ทำในสิ่งที่เธอคิดว่าอันตราย ห้ามลูกสาวคนโตไปเที่ยวกับเพื่อนโดยที่ไม่มีเธอ จนกลายเป็นว่าใจหญิงสาวที่ไม่เคยพูดคำว่า “ไม่” ซึ่งกลายเป็นแม่ที่ต้องใช้คำว่า “ไม่” ในการเลี้ยงดูลูก จนท้ายที่สุดคำว่าไม่จึงกลายเป็นกำแพงสำคัญของครอบครัวนี้ แม่กลายเป็นนางปีศาจร้ายของลูก ส่วนพ่อกับกลายเป็นคนที่แสนดี เป็นวีรบุรุษ ที่เออตามใจลูกอยู่ตลอดเวลา

วันหนึ่งเธอและสามี ให้รับได้รับเชิญให้ไปพบครูที่ปรึกษาที่โรงเรียน แล้วก็พบว่า ไม่ว่าจะเป็นเคธีและนันโด ก็มีทัศนคติด้านลบกับอลิสันผู้เป็นแม่เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการที่เคธี้แต่งกลอนไฮกุเสียดสีว่าแม่เป็นปีศาจ  หรือนันโดทำคลิป VDO ส่งครูให้เห็นว่าแม่คือตัวขจัดความสุขของลูก ๆ

และในวันนั้นเองอลิสัน ก็เริ่มรับรู้ว่าสิ่งที่เธอทำให้ลูกทั้งหมดกลับกลายเป็นอุปสรรคสำคัญที่จะทำให้ลูกมีความสุข ระหว่างที่เดินทางกลับ ได้พบกับครูที่สอนวิชาพละ เขาแนะนำให้เธอมีวัน Yes day

ซึ่งจะเป็นวันที่พ่อแม่ทำตามใจลูกทุกอย่าง ห้ามปฏิเสธ ไม่ว่าลูกขออะไรจะต้องทำให้ทั้งนั้น แต่มีกฏอยู่นิดหน่อย เช่นห้ามทำอะไรที่อันตราย ผิดกฏหมาย หรือเดินทางไปไกลไปดูกันเลยที่ เว็บดูหนังฟร

 

 

อลิสันกับสามี กลับมาที่บ้าน แล้วบอกกับลูก ๆ ว่าจะมีวัน yes day เพื่อเป็นการเชื่อมสายสัมพันธ์ของครอบครัวกลับมา เธอมีข้อแม้ว่าลูก ๆื ทุกคนจะต้องทำความสะอาดและดูแลบ้านเป็นอย่างดี ผลการเรียนของลูกจะต้องได้เกรดที่ดี และเมื่อลูกทำตามกฎที่ว่าได้แล้ว เธอและสามีก็อนุญาตให้มีวัน yes day ได้

และที่มากไปกว่านั้นก็คือ เธอแต่ได้ตกลงกับเคธี่ว่า ถ้าเธอพูดคำว่าไม่แม้แต่หนึ่งคำในวันนี้ เคธี่จะสามารถไปดูงานคอนเสิร์ตกับเพื่อน ๆ ได้ แต่ถ้าหากอลิสันไม่พูดคำว่าไม่ออกมา หรือไม่ปฏิเสธลูกสาว เคธีในวัน yes day จะต้องพาเธอไปดูงานคอนเสิร์ต และยังมีแถมอีกหน่อยนึง ภายในวันนั้นห้ามเธอเละสามี จับโทรศัพท์มือถือเด็ดขาด

เมื่อถึงวัน yes day ลูกๆทั้ง 3 คนได้เขียน กระบวนการ 5 ขั้นตอนภายในวันนั้น เริ่มจากแต่งหน้าแต่งตาและแต่งตัวพ่อแม่ได้อย่างใจชอบ แล้วจะต้องแต่งอย่างนี้ออกไปนอกบ้าน ขับรถเข้าไปในเครื่องล้างรถอัตโนมัติโดยเปิดกระจก กินไอศครีมจานโตโดยหากกินหัวจะได้กินฟรี เล่นเกมปาลูกสีใส่กันเพื่อชิงธง พาไปเที่ยวสวนสนุก และขั้นตอนสุดท้าย ที่เป็นความลับที่สุดที่ปิดเอาไว้คือ ให้นันโดจัดงานมิตติ้งวิทยาศาสตร์

ในหนังมีจุดเปลี่ยนที่สำคัญคืออลิสัน ดันไปแอบเห็นโทรศัพท์ของเคธีที่ได้คุยกับเพื่อนไว้ว่าจะไปเที่ยวงานคอนเสิร์ตด้วยกัน และเพื่อนของลูกสาวนั้นได้นัดชายหนุ่มเอาไว้ เมื่อลูกสาวรู้ว่าแม่แอบดูโทรศัพท์จึงผิดใจกัน

ในสวนสนุกอลิสัยกับสามีก็ได้เห็นตุ๊กตากอลิล่าสีชมพู ซึ่งจะต้องเล่นเกมในสวนสนุกให้ชนะ แต่เธอต้องแย่งกับหญิงสาวชาวเอเชียที่ต้องการตุ๊กตาตัวนี้เช่นกัน แข่งกันไปแข่งกันมาเกิดการแย่งชิง ข้าวของพังเสียหาย กลับกลายเป็นว่าอลิสันกับสามี ถูกตำรวจจับไปนอนอยู่ในคุกชั่วคราว ส่วนลูก ๆ ก็โกหกตำรวจว่ามีญาติมารับแล้ว แต่แท้จริงแล้วก็คือเพื่อนเคธี่นั่นเอง

เคธีก็ได้ไปเที่ยวงานคอนเสิร์ตกับเพื่อน โดยไม่มีหน้าเข้ามาขวางอย่างสมใจ ส่วนนันโดกับเอลลี่กลับบ้าน แล้วก็ไปจัดงานปาร์ตี้วิทยาศาสตร์จนบ้านเละสมใจเช่นกัน

เคธี่ได้ไปเที่ยวงานคอนเสิร์ตกับเพื่อนสมใจก็จริง แต่สักพักก็รู้ว่าทั้งหมดนั้นมันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ต้องการจะกลับบ้านแต่ก็ไม่สามารถกลับได้ เด็กสาวร้องไห้เสียใจและรู้ว่าสิ่งที่ทำไม่ถูกต้อง

รีวิว Yes Day

ส่วนเอลิสันกับสามีถูกจับอยู่ในคุกแต่ก็ออกจากคุกมาได้ เพราะไม่ได้มีความผิดอะไร จึงออกเดินทางตามหาลูกไปรับชมที่ ดูหนังฟรี

 

 

อลิสันมาตามหาตัวลูกสาวได้งานคอนเสิร์ต แล้วเธอก็เผอิญได้ช่วยเหลือศิลปินคนสำคัญในงาน จึงมีโอกาสได้ขึ้นไปบนเวที ร้องเพลงตามหาเคธี่ และก็แน่นอนว่าเธอกับลูกสาวพบกัน ปรับความเข้าใจกันเป็นอย่างดี

ส่วนพ่อก็รีบกลับไปที่บ้านเพื่อไปจัดการกับนันโดและเอลลี่ พอมาถึงบ้านก็รู้ว่าบ้านนั้นแทบพังอันเกิดมาจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์ของก๊วยลูกชาย  จากพ่อที่เป็นเหมือนวีรบุรุษหรือคนที่แสนดี ก็ต้องสวมวิญญาณปีศาจร้าย ตะโกนด่าเด็ก ๆ บังคับให้เด็กทุกคนทำความสะอาดบ้าน

จากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ความสงบสุข ครอบครัวนี้ก็สามารถปรับความเข้าใจกันได้ แล้วอยู่กันด้วยความรักความเข้าใจ อย่างสงบสุข โดยมีวัน yes day เป็นตัวเชื่อมนั่นเอง

ต่อไปจะเป็นการอธิบายถึงความรู้สึกหลังชมครับ

Yes Day วันนี้ห้ามเซย์โน เป็นภาพยนตร์แนวครอบครัวคอมเมดี้ ที่มีโครงเรื่องสำคัญก็คือ เมื่อคนในครอบครัวไม่เข้าใจกัน ลูกไม่เข้าใจพ่อแม่ มองพ่อแม่เป็นปีศาจร้าย แล้วพ่อแม่จะมีวิธีการจัดการอย่างไรให้ลูกเลิกเข้าใจผิดแบบนั้น

จนกระทั้งพ่อและแม่มารู้จัก yes day นั่นแหละ ในจุดนี้หนังทำให้เราเห็นว่า ไม่ว่าเราจะเข้มงวดกับลูกลูกของเราแค่ไหน เราก็ต้องปล่อยให้ลูกมีอิสระในการทำในการคิดอะไรบางอย่าง บางทีก็ต้องปล่อยให้ลูกได้โต และเรียนรู้ชีวิตเองซะบ้าง

บางครั้งการตีกรอบของพ่อและแม่ ก็ไม่ได้หมายความว่าลูกนั้นจะเจริญเติบโตเป็นคนดีได้อย่างที่เราหวังเสมอไป และหลายครั้งที่เราเหมือนว่ารู้จักลูกมาก

แต่แท้จริงแล้วเราก็แทบจะรู้จักเขาน้อยมากเช่นกัน แล้วเมื่อโลกมันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น พ่อและแม่จะสอนลูกแบบเดิม ๆ ไม่ได้อีกแล้ว นี่เป็นมุมมองที่หนังทำให้เห็นในมุมของพ่อแม่ กับการเลี้ยงลูกในยุคปัจจุบัน

ความรู้สึกหลังดู

วิญญาณอิสระ Allison (Jennifer Garner) แต่งงานกับเนื้อคู่ Carlos Torres (Edgar Ramírez) และพวกเขามีลูกสามคน ระหว่างทาง เธอกลายเป็นแม่ที่ปกป้องตัวเองมากเกินไป ลูกๆ ของเธอไม่พอใจกับวิธีการควบคุมของเธอ ที่ปรึกษาโรงเรียนแนะนำให้เด็กๆ ได้มีวันที่ใช่ ซึ่งเป็นวันที่แอลลิสันตอบตกลงกับลูกๆ ของเธอทุกความปรารถนา ไปรับชมเลยที่ ดูหนังออนไลน์

 

 

ด้วยเหตุผล ไม่ใช่หลักฐานที่แย่ที่สุดในโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับภาพยนตร์ครอบครัว การ์เนอร์สามารถทำแบบไฮเปอร์มัมมี่ได้ เธอยังพยายามที่จะเจาะลึกเข้าไปใน 13 เข้าสู่ 30 แต่มันจะแรงขึ้นเล็กน้อยเมื่อถึง 15 จะไป 50

ตอนนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ส่วนใหญ่เป็นเรื่องสนุกแบบสุ่มและนั่นก็ไม่สนุกเท่าไหร่ มันเป็นเด็กอย่างแน่นอนและฉันเดาว่านั่นคือประเด็น ในที่สุดภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มีพ่อแม่อยู่ในคุก ฉากสุดท้ายน่าดึงดูดกว่าแต่นั่นไม่ได้พูดอะไรมาก เป็นช่วงค่ำที่ปลอดภัยสำหรับครอบครัวที่จะดูด้วยกันและนั่นก็คุ้มค่า

ที่ชอบมากก็คือหนังไม่ได้ทำให้เราเห็นแค่มุมมองในมุมมองเดียว ยังทำให้เห็นในมุมตรงกันข้าม ทำให้เห็นว่าการเตือนการห้ามของพ่อแม่นะ แม้จะยุ่งวุ่นวาย ดูเป็นเรื่องยุ่งยาก และเป็นการทำร้ายความรู้สึกของลูก แต่เมื่อลูก ๆ ต้องมาเผชิญกับสถานการณ์ ที่ต้องใช้คำว่าไม่ และคำว่าห้าม แต่กลับกลายเป็นว่าไม่มีใครสนใจ

หนังนำเสนอในประเด็นนี้านทางสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดี เช่นการที่ลูกสาวคนโตหนีไปชมคอนเสิร์ตกับเพื่อน แล้วเธอก็ได้เห็นพฤติกรรมต่าง ๆ ที่มันไม่สมควร ซึ่งเธอก็สามารถยับยั้งชั่งใจ อันเป็นผลมาจากการที่ถูกพ่อแม่เพาะบ่มสั่งสอนซึ่งเป็นเกราะในการคุ้มกันตัวได้อย่างดี หรือในสถานการณ์ที่ลูกชายคนรองชวนเพื่อน ๆ มาปาร์ตี้ทดลองวิทยาศาสตร์ เขาไม่สามารถห้ามเพื่อน ๆ ได้ จึงส่งผลทำให้บ้านเกือบพังทั้งหลัง

yes day ทำให้เห็นว่าเป็นการเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้ลองทำอะไรตามใจดู และได้เรียนรู้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เด็กอยากได้อยากมีอยากเป็น มันมีผลด้านดีและด้านลบคู่กันเสมอ แต่ถ้ามีผลด้านลบ จนเด็กไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ จนเด็กรู้สึกว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ผิด พ่อและแม่ก็จะใช้ประสบการณ์ชีวิตเข้ามาแก้ไขสถานการณ์ แล้วทำทุกอย่างให้เป็นไปตามครรลองที่ควรเป็น

ไอเดียสำคัญของ yes day เป็นการเปิดโอกาสให้เด็กๆลองผิดลองถูก และได้เรียนรู้ความผิดนั้น และรวมถึงเป็นการเปิดโอกาสให้พ่อและแม่ ได้เรียนรู้ลูก ๆ ไปพร้อม ๆ กันด้วย

ดังนั้นใน yes day จึงทำให้เราเข้าใจความรู้สึกและเห็นมุมมองความคิดทัศนคติของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ รวมถึงมุมมองความคิดทัศนคติของผู้เป็นลูกไปพร้อม ๆ กัน แล้วก็ไม่ตัดสินว่าสิ่งใดถูกหรือผิด ซึ่งทั้งหมดนั้นก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และบริบทของคนชมเองเป็นผู้ตัดสิน

 

รีวิว Yes Day

 

ดู ๆ ไปแล้วหนังก็มีลักษณะคล้ายกับ road movie เช่นกัน คือทุกการเดินทางที่ครอบครัวนี้เดินทางไป ทุกสถานที่ได้ทุกกิจกรรม และทุกสถานการณ์ มันทำให้เกิดการปรับความเข้าใจของคนในครอบครัวได้เป็นอย่างดี

บรรยากาศของหนังก็ค่อนข้างจะผ่อนคลาย แม้จะมีจุดหักของเรื่องที่ทำ ให้เข้าสู่สถานการณ์อันเลวร้าย แต่มันก็ไม่ทำให้ติดลบไปซะจนหมองหม่น แล้วมันสามารถกลับเข้ามาในจุดที่พี่คลายได้อย่างดีเช่นกัน

หนังเล่าเรื่องง่ายมากและไม่มีอะไรซับซ้อน และเอาเข้าจริงๆแล้วก็ไม่ค่อยจะมีอะไรแปลกใหม่ มันก็คือหนังแนวครอบครัวปรับความเข้าใจกัน แม้จะมีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่มันก็สามารถกลับมาได้ ไม่ต่างกับหนังแนวครอบครัวเรื่องอื่น ๆ เลย ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกประทับใจมากนัก ความน่ารักของเด็ก ๆ ก็เป็นเรื่องปกติ ที่หนังแนวนี้ต้องมี ในจุดนี้อยู่แล้วก็รู้สึกเฉย ๆ

โดยรวมแล้ว Yes Day  วันนี้ห้ามเซย์โน เป็นหนังครอบครัวเบาสมอง ที่ดูแล้วก็ทำให้รู้สึกอมยิ้มไปตลอดทั้งเรื่อง หากคนเป็นพ่อเป็นแม่ได้รับชมก็จะสามารถกลับมาทบทวนวิธีการเลี้ยงลูกว่าสิ่งที่ควรหรือไม่ ส่วนตัวลูกเอง หากดูเรื่องนี้แล้ว และทบทวนว่าสิ่งที่พ่อแม่ห้ามนั้นมันมีเหตุผลอย่างไร ชื่นชอบการรีวิวของเราสามารถติดตามการรีวิวได้ที่นี้ทีเดียว เว็บรีวิวหนัง