รีวิว ไอดอลสุดซ่า ป๊ะป๋าสั่งลุย

ซึ่ง เมื่อ 3 ยากูซ่าแห่งแก๊งอินุงาเนะพลาดท่าในถิ่นศัตรู หัวหน้าแก๊งหัวใสจึงลงทัณฑ์ให้ไป “เฉาะ” แล้วกลับมาเป็นไอดอลเกิดใหม่ในนาม โกคุดอลส์ เปลี่ยนชื่อและตัวตนของพวกเขาจากยากูซ่าสู่ไอดอลสาวน่ารักสดใส งานนี้นอกจากทั้ง ไอริ มาริ และ จิกะ จะต้องต่อสู้กับหนทางไอดอลที่แสนขัดแย้งกับตัวตนเดิมแล้ว ยังต้องหาทางเอาตัวรอดจากเงื้อมมือนักธุรกิจจอมหื่นที่หวังโค่นวงโกคุดอลส์ของพวกเขาให้สิ้นซากอีกด้วย

ดูได้ที่ ดูหนัง

 

 

เเต่ว่ากันว่า ถึงที่มาของ BACKSTREETGIRLS GOKUDOLS ก็ไม่ต่างจากหนังญี่ปุ่นทั่วไปที่ต้นธารก็คือ มังงะสุดฮิตที่คนเขียนได้แรงบันดาลใจมาจากวง AKB48 ที่กว่าเหล่าไอดอลจะฝ่าฟันด่านแห่งชื่อเสียงก็จำต้องฝึกหนักฝึกโหดไม่ต่างจากยากูซ่า มาผสมเรื่องราวตลกๆที่เล่นกับความขัดแย้งระหว่างยากูซ่าแมนๆโหดๆกับความเป็นเหล่าไอดอลสาวสวยน่ารัก

เมื่อตัวตนของยากูซ่าถูกแปลงเพศเป็นไอดอล พวกเขาจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทั้งกฎเกณฑ์การใช้ชีวิตหรือศักดิ์ศรีของยากูซ่าไว้ได้อย่างไร และมันยังเอื้อให้คิดมุกที่เล่นกับความลักลั่นดังกล่าวได้มหาศาลจนถูกใจคนอ่านจนถูกดัดแปลงให้เป็นทั้ง อนิเมะซีรีส์ทางเน็ตฟลิกซ์ หรือ มินิซีรีส์คนแสดงมาแล้ว 

ในสำหรับ ผมเองเคยชมเวอร์ชั่นอนิเมะซีรีส์ทางเน็ตฟลิกซ์มาก่อน ยอมรับว่าแม้จะได้ฮากับมุกต่างๆอยู่บ้างแต่ก็ยากที่จะติดตามเรื่องได้นานๆเนื่องจากตัวอนิเมะซีรีส์เน้นมุกต่อมุกมากกว่าเล่าเรื่องราวให้ต่อเนื่องกัน เหมือนเอามังงะมาฉีกแต่ละตอนแล้วเล่าตามนั้น.

ซึ่งโชคดีที่เวอร์ชั่นหนังคราวนี้มีการคิดเรื่อง วางปมดราม่าไว้ค่อนข้างดีและลำดับเรื่องให้ง่ายต่อการติดตามโดยยังไม่ทิ้งเหตุการณ์ตลกๆจากในมังงะ มาเป็นสีสันของเรื่องราวได้เป็นอย่างดี

โดยเฉพาะการเลือกปูเรื่องราวในสมัยที่ยังเป็น 3 หนุ่มเลือดร้อนแห่งแก๊งอินุงาเนะที่ทำให้เห็นว่าตัวละครทั้งสามผูกพันธ์กันด้วยสาบานเลือด พร้อมร่วมเป็นร่วมตายกันจริงๆ ซึ่งการปูเรื่องตอนต้นที่ดูแข็งแรงนี้ยังส่งผลให้เราเชื่อในความสัมพันธ์เมื่อกลายเป็นไอดอลอีกด้วย ไปดูกันเลยที่ เว็บดูหนังฟร

 

 

และอีกจุ ดที่น่าพูดถึงมากๆคือการที่เวอร์ชั่นหนังนี้เลือกบอกเล่าความสับสนจากผู้ชายมาเป็นผู้หญิง โดยอาศัยทั้งกลไกของเรื่องอย่างความสัมพันธ์กับคนรักสมัยเป็นผู้ชาย หรือการออกแบบฉากความคิดที่ตัวละครทั้งตอนเป็นผู้ชายและผู้หญิงได้สะท้อนความคิดซึ่งกันและกัน

เพื่อให้เรารู้ถึงสภาพจิตใจของตัวละครและค่อยๆซึมซับปมในใจตัวละครให้ได้คอยเอาใจช่วยให้พวกเธอได้ยอมรับกับตัวตนของตัวเอง และนอกจากนี้หนังยังมีเนื้อหาบางส่วนที่เริ่มพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกัน จึงนับได้ว่าตัวหนังเปิดกว้างมากพอจะพูดถึงความหลากหลายทางเพศ และทำให้มันรอดพ้นจากการเอาเรื่องเพศมาปู้ยี่ปู้ยำเพื่อสนองคนดูหนุ่มๆอย่างผิวเผินไปได้อย่างสวยงาม

กระนั้นแล้ว เราก็ยังพบส่วน ‘ขาด’ บางอย่างที่อนิเมะซีรีส์เคยสร้างความประทับใจไว้ โดยเฉพาะบทหัวหน้ายากูซ่าที่ในหนังมีบทบาทน้อยไปหน่อย หรือจะเป็นแก๊กฮาๆที่ชอบมากอย่างรายการทีวี ที่พวกเธอไปชิมอาหารมักเจ๊งหลังเปิดกิจการมานาน เพราะพวกเธอมักจะสร้างวีรกรรมเปิ่นๆจนร้านถูกปิดหรือฉากงานจับมือ

ที่เป็นกิจกรรม ที่หมิ่นเหม่ในเรื่องทางเพศเพราะโอตะบางคน ก็ขอให้ไอดอลทำอะไรประหลาดๆซึ่งถือเป็นการวิพากษ์ กิจกรรมของไอดอลในเชิงการเมืองเรื่องเพศได้อย่างแหลมคมเป็นต้น แต่กระนั้นฉากที่มาท้ายเอนด์เครดิตก็พอจะทำให้ใจชื้นได้ว่าหนังน่า จะมีโอกาสได้เล่าเรื่องราวสนุกๆได้อีกเพียบเลยแหละ 

พอพูดถึง นักแสดง หากดูจากตัวอย่างหนังอาจทำให้ผู้ชมสาวๆเมินหนังเพราะคิดว่ามันจะขายแต่นักแสดงสาวสวยตอนเป็นไอดอลเท่านั้น แต่ความจริงแล้วเหล่านักแสดงหนุ่มๆทั้ง จิน ชิราสึ ในบทเคน หัวโจกของสามหนุ่มก็มากับหน้าหล่อ ๆ คม ๆ

รีวิว ไอดอลสุดซ่า ป๊ะป๋าสั่งลุย

มาซาโตะ ฮานาซาวะ ในบทคาสุก็หล่อเท่แบบแบดบอย ส่วนเรยะ มาซากิ ก็ฉีกลุคเท่ในบทเรียวแม้จะเป็นหนุ่มหน้าหวานก็ตาม ซึ่งทั้ง 3 หนุ่มก็มีบทบาทไม่แพ้สาวๆเลยนะทั้งเป็นตัวละครเปิดเรื่องและยังมาคอยรับบทแฟนตาซีของสาวๆที่ถามถึงตัวตนของยากูซ่า สมัยยังเป็นผู้ชายแถมมีคิวบู๊ที่ได้โผล่หน้าหล่อๆมาอีกด้วยไปรับชมที่ ดูหนังฟรี

 

 

Back Street Girls เป็นหนังที่มีพล็อตสุดแหวกแบบไม่มีใคร (อยากจะ) ซ้ำอย่างแน่นอน โดยมีที่มาจากหนังสือการ์ตูนมังงะ ที่ต่อมาโด่งดังจแบบถล่มทลายจนถูกเอาไปสร้างเป็นอนิเมะ และเดินทางมาถึงการเป็นหนังโรงในฉบับนี้  เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นจาก เคนทาโร, เรียว และ คาสุ หนุ่มยากูซ่า 3 พี่น้อง (ร่วมสาบาน) ที่จับพลัดจับผลูจนกลายมาเป็น “ไอดอลสาว” วง“โกคุดอลส์” และโด่งดังขั้นสุดอย่างไม่ทันตั้งตัว

แน่นอนว่าหนังก็จะมีความบันเทิงในความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น อันมาจากการที่ชายชาตรีฆ่าได้หยามไม่ได้ทั้ง 3 กลับต้องมาเป็นไอดอลสาว (?) โกคุดอลส์ ทั้งชีวิต หน้าที่

และสิ่งต่างๆ ที่พวกเธอต้องเจอล้วนเป็นเรื่องที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนในชีวิตทั้งสิ้น และหนังก็ถ่ายทอดออกมาได้สนุกสนานสุดๆ แม้กับคนที่ไม่เคยรู้จักเรื่องนี้ (หรือวัฒนธรรมยากูซ่าและไอดอล) มาก่อนก็ตาม เพียงแต่การเล่าเรื่องในช่วงต้นนั้นอาจจะเร่งรัดไปสักหน่อย ทำให้ความอินกับตัวละครยังไม่สุดเท่าไหร่

แต่นอกจากความตลกแล้วหนังยังมีมุมมองที่ดราม่าน่าคิดตามเข้ามาผสมอีกด้วย เพราะไม่ใช่ว่าชีวิตพวกเธอจะไปได้ดีในเส้นทางของไอดอลเพียงอย่างเดียว แต่พวกเธอยังต้องแบกรับปัญหาต่างๆ ที่คั่งค้างมาตั้งแต่ตอนยังเป็นชายชาตรี

และถูกจุดขึ้นมาอีกครั้งด้วยภาระหน้าที่ในอนาคตที่ไม่สามารถย้อนกลับได้อีกต่อไป ทำให้พล็อตเรื่องที่ว่าทำมาเอาตลก ก็มีจุดที่อุดมไปด้วยมุมมองแสนดราม่าด้วยเช่นกัน

 

รีวิว ไอดอลสุดซ่า ป๊ะป๋าสั่งลุย

 

และแน่นอนเราจะไม่พูดถึงเหล่าสาว ๆ โกคุดอลคงไม่ได้แถมยังเป็นทีมนักแสดงที่ผ่านงานซีรีส์และหนังจากมังงะมาแล้วทั้งนั้น

เริ่มจาก นัตสุมิ โอกาโมโตะ ที่มารับบท ไอริ (หรือเคนตอนเป็นผู้ชาย) ก็เคยผ่านซีรีส์ GTO เวอร์ชั่นปี 2014 ก็นำหน้าหวานๆมาตกหนุ่มๆจนแทบถอนตัวไม่ขึ้น ซี่งตัวละครของเธอก็มีจุดพลิกผันในส่วนของดราม่าที่หนักหนาเอาการ

แต่การแสดงของ นัตสุมิ ก็เอาอยู่จริงๆ ส่วน รุกะ มัตซูดะ ในบท มาริ (หรือเรียวก่อนแปลงเพศ) สาวสวยเท่จากหนังชุด Masked Raiders ก็ไม่ทำให้ผิดหวังโดยมาในมาดสาวสวยโหดเถื่อนแต่กลับทำให้หนุ่มๆใจเต้นทุกครั้งที่เธอปรากฎตัว และปิดท้ายที่ อากาเนะ ซากานูอิ ในบทจิกะ

(หรือคาสุตอนเป็นหนุ่มยากูซ่า) นักแสดงสาวที่แจ้งเกิดมาจากซีรีส์ Ultraman X (2015) ก็มาในมาดน้องเล็กน่ารักน่ากอดแต่แอบฮาใช่ย่อยได้ดีเหมือนกัน ซึ่งบรรดาสาวๆก็ร่วมร้องเพลงในภาพยนตร์ได้สมบทบาทจนนึกว่าเป็นไอดอลในชีวิตจริงไปเลยยังไงยังงั้น 

เอาเป็นว่าตลอดช่วงเวลา 87 นาทีหนังเสิร์ฟความบันเทิงทั้งเสียงฮาและเพลงสุดไพเราะได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แต่แอบให้บทกับหัวหน้ายากูซ่าน้อยไปสักนิด ทั้งที่เป็นตัวละครที่มีสีสันมากๆทั้งในมังงะและอนิเมะซีรีส์ แต่โดยภาพรวมถือว่าเป็นหนังที่บันเทิงที่สุดเรื่องหนึ่งในปี 2019 เลยครับ อ้อ..มีฉากหลังเอนด์เครดิตต้องดูนะครับ แต่รับรองว่ารอไม่นาน  

ความรู้สึกหลังดู

ฉันได้ดู Manga ที่เป็นแอนิเมชั่น 3 ตอนซึ่งอิงจากภาพยนตร์เรื่องนี้มาประมาณ 3 ตอน แต่ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเขาสร้างมันขึ้นมาเป็นภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชัน และในตอนแรก ฉันไม่ได้หลงใหลกับ Manga มากนัก ดังนั้นภาพยนตร์เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่ฉันสนใจ แต่ในปี 2020 ฉันได้รับโอกาสให้นั่งดูหนังเรื่อง “Back Street Girls: Gokudaruzu” ในปี 2019 ฉันก็เลยทำอย่างนั้น ไปรับชมเลยที่ ดูหนังออนไลน์

 

 

อย่างไรก็ตาม ฉันไม่สามารถอ้างได้จริงๆ ว่าฉันได้รับความบันเทิงมากเกินไปจากภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชันของ Manga การแสดงในภาพยนตร์ก็เพียงพอแล้ว และใช่ ก็มีบางช่วงเวลาที่ตลกที่นี่และที่นั่น แต่โดยรวมแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ดูธรรมดาเกินไปและขาดเนื้อหาหลักในเนื้อเรื่องและแผนกบท

ซึ่งสร้างมาเพื่อหนังน้อยกว่าธรรมดาจริงๆ มันยากสำหรับฉันที่จะเข้าถึงบรรยากาศของหนังเรื่องนี้ เพราะฉันรู้สึกว่ามันขาดส่วนสำคัญที่จะทำให้มันเป็นหนังที่น่าสนใจ แน่นอน ฉันจัดการหนังเรื่องนี้ให้จบได้ แต่ฉันไม่ได้ชอบหนังเรื่องนี้เป็นพิเศษ การให้คะแนน “Back Street Girls: Gokudaruzu” ของฉันคือสี่ในสิบดาว มีศักยภาพมากมายสำหรับการถ่ายทำ แต่ผู้กำกับ Keinosuke Hara ก็ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้

ฉันหวังว่าพวกเขาจะทำฤดูกาลต่อไป แย่จัง LGBTQXYZ ผู้คนเราทุกคนอ่อนไหวเกินไป

ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเกี่ยวกับสมาชิกยากูซ่าสามคนที่ทำบางสิ่งที่ทำให้เจ้านายโกรธเคืองจริง ๆ การลงโทษพวกเขาถูกตัดสินประหารชีวิต แต่เมื่อชายทั้งสามขอความเมตตา เจ้านายจึงตัดสินใจลงโทษแบบอื่น และบอกว่าพวกเขาจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อที่จะได้เป็นวงไอดอลและนำเงินมาให้เขามากมายหรือตัดขาหรือทำไส้ทะลักออกมา

แล้วพวกเขาก็เลือกที่จะเป็นไอดอล หลักฐานนี้ฟังดูน่าสนใจมากและแตกต่างออกไป แต่หนังก็เพิกเฉยต่อการพัฒนาทั้งหมดนั้นและข้ามไปที่เมื่อพวกเขาเปลี่ยนไปเป็นผู้หญิงในกลุ่มไอดอลที่มีชื่อเสียง นอกจากภาพอย่างรวดเร็วแล้ว ยังไม่มีการแสดงขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงของพวกเขาและปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่

และนั่นคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ของหนังเรื่องนี้ มันแค่ละเลยทุกอย่างที่ทำให้หนังเรื่องนี้มีความพิเศษและซับซ้อนมากขึ้นโดยเน้นที่กลุ่มไอดอลเท่านั้น พยายามที่จะประสบความสำเร็จมากขึ้นและต่อสู้กับยากูซ่าไปพร้อมกัน จุดเด่นของหนังเรื่องนี้คือ หัวหน้ากลุ่ม หัวหน้า Inugane (อิวากิ โคอิจิ) เป็นคนตลก ชอบเตะประตู (ตามตัวอักษร) ในขณะที่ไอดอลก็ปกติดี

รีวิว ไอดอลสุดซ่า ป๊ะป๋าสั่งลุย

 

แต่เวอร์ชั่นผู้ชายก็ดูเหนือกว่านิดหน่อยก็ปรากฏตัวใน บางฉากต่อมาเป็นการปะทะกันของความคิดกับเวอร์ชั่นผู้หญิงและช่วงเวลาเหล่านั้นก็ไม่จำเป็นจริงๆ สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดในหนังเรื่องนี้คือตัวร้ายหลักที่น่ารำคาญและเหนือชั้น เขาเป็น CEO ของเอเจนซี่ แต่ดูเหมือนวัยรุ่นที่โกรธจัดและทำตัวเหมือนเด็กทารกที่กำลังร้องไห้ พระเอกไม่เหมาะกับบทนี้จริงๆ

ความยาวหนังเพียง 1 ชั่วโมง 27 นาที แสดงให้เห็นว่าโครงเรื่องบางแค่ไหน แทนที่จะดูหนังเรื่องนี้ ฉันแนะนำให้ดูซีรีย์อนิเมะที่มีชื่อเดียวกันใน Netflix ที่ตลกกว่าและมีแนวทางที่เป็นผู้ใหญ่กว่าที่สร้างความแตกต่างอย่างมากในขณะนี้

ภาพยนตร์เรื่องนี้รัดกุมเกินไปด้วยแนวทาง “PG13” ในมือของ Takashi Miike หรือ Sion Sono ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าจะดีกว่านี้ นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของหลักฐานที่น่าสนใจซึ่งมีการพัฒนาที่แย่มาก

สรุป เอาเป็นว่าหนังเรื่องนี้ หนังทำออกมาได้ฮาแตก แทบหยุดหัวเราะไม่ได้เลย คงเสน่ห์แบบมังงะและอนิเมะไว้ค่อนข้างดี ตอนเป็นสาวไอดอลคือนักแสดงตกผู้ชมหนุ่มจนหลงรักถอนตัวไม่ขึ้นเลย นักแสดงชาย ยังคงมีบทบาททั้งเรื่อง เสริมดราม่าได้ดี จับเหตุการณ์ต่างๆจากมังงะมาเสริมเรื่องได้สนุกสนาน และเข้ากับประเด็นที่เล่า บทหัวหน้าแก๊งยากูซ่าน้อยไปนิดนึง หนังสั้นไปนิดนึง ชื่นชอบการรีวิวของเราสามารถติดตามการรีวิวได้ที่นี้ทีเดียว เว็บรีวิวหนัง