รีวิว Low Season สุขสันต์วันโสด

เรื่องของ สุขสันต์วันโสด ภาพยนตร์โดย นฤบดี เวชกรรม จัดเป็นหนังรักที่ให้อารมณ์โรแมนติกสูง ดูแล้วทำให้เกิดความรู้สึก feel good แถมยังปลุกพลังการท่องเที่ยวในตัวคุณอีกด้วย โดยส่วนตัวแล้วเป็นหนังไทยที่สามารถขึ้นอันดับเข้าไปอยู่ในดวงใจใครหลายคนพอ ๆ กับ กวนมึนโฮ หรือ สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารักได้เลยดูได้ที่ ดูหนัง

 

 

หนังเรื่องนี้เล่าถึง หลิน หญิงสาวที่มีปมชีวิตตั้งแต่วัยเด็กคือเธอมีความสามารถพิเศษในด้านการเห็นผี แต่ทุกครั้งที่เธอบอกใครว่าเห็นผี ทุกคนก็จะหาว่าเธอบ้า และไม่ว่าจะเห็นผีมาแล้วกี่ครั้งก็ไม่สามารถทำให้เธอชินกับเรื่องนี้ได้เลย เธอจะตกใจกลัวกับสิ่งที่เห็นทุกครั้ง จนเมื่อเธอโตขึ้นเป็นสาว เริ่มมีแฟน เธอก็จะพยายามเก็บอารมณ์ในการเห็นผีไว้

แต่มันก็ทำไม่ได้จริง ๆ บ่อยครั้งที่เธอแสดงอาการหวาดกลัวผีให้แฟนหนุ่มเห็น แฟนก็ไม่เคยเข้าใจเธอ เมื่อแฟนหนุ่มของเธอกลายเป็นศิลปินดาราดัง ก็เริ่มมีผู้หญิงอื่นเข้ามาเกี่ยวพัน จนเกิดการนอกใจ แล้วก็เลิกลากันไป เมื่อหลินช้ำรักก็หนีจากกรุงเทพฯ ไปเที่ยวพักใจที่เชียงใหม่ ซึ่งตรงกับช่วง Low season พอดี

แล้วที่เชียงใหม่ หลินได้พบกับ พุธ หนุ่มที่ทำอาชีพเขียนบทภาพยนตร์ ที่เกสเฮ้าส์แห่งหนึ่ง ซึ่งพุธ ก็ต้องการจะมาหาข้อมูลในการเขียนบทภาพยนตร์ผีสยองขวัญที่บนดอยแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ในช่วงแรกหลินก็ไม่ยอมบอกกับพุธว่าเธอเห็นผีได้ เธอกลัวว่าพุธจะหาว่าเธอบ้าอีก เนื่องจากเป็นช่วง low season จึงไม่ค่อยมีคนมาเที่ยวมากนัก รถที่เดินทางก็หายาก

เมื่อพุธเหมารถไว้แล้วเพื่อจะไปกิ่วแม่ปาน หลินก็ขอเดินทางไปกับพุธด้วย นอกจากกิ่วแม่ปานแล้วทั้งสองคนก็เดินทางขึ้นดอยไปยังสถานที่ต่าง ๆ ไปยังเกรสเฮ้าท์เพื่อนของพุธบนดอย ไปพบกับเหล่าบรรดากลุ่มเพื่อนที่ล้วนจะประสบปัญหาหัวใจที่นัดมาเจอพบกันในช่วงเวลา low season ทุกปี ไปหาพี่กะเร หนุ่มชาวเขาผู้มีประสบการณ์เห็นผี จากนั้นทุกการเดินทาง

ทุกสถานที่ที่พุธและหลินเดินทางไป ทุกคนที่พุธและหลินพูดคุยสนทนา ทำให้ทั้งสองคนเรียนรู้ซึ่งกันแล้วกัน ทำให้ช่วง Low season เกิดความหมาย เปลี่ยนจากช่วงเวลาอันนี้เงียบเหงาเป็นช่วงเวลาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ซึ่งเรื่องราวจะเป็นไปอย่างไร ก็ขอให้ทุกท่านติดตามชมได้ทาง Netflix ครับ

 

รีวิว Low Season สุขสันต์วันโสด

 

เเต่ก่อนอื่นเลยนะ หนังเรื่องสุขสันต์วันโสด ใช้วิธีการเล่าเรื่อง เป็นแนวหนังแบบ road movie ซึ่งหนังแนว road movie นี้ให้ความสำคัญ ของเรื่องราวระหว่างทางมากกว่าจุดหมายปลายทาง กล่าวคือเมื่อตัวละครหลักของเรื่องเดินทางไปสถานที่แห่งหนึ่ง ทุก ๆ การเดินทางนั้นจะทำให้ตัวละครได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน สามารถปรับหากันและกันได้มากขึ้นไปเรื่อย ๆ

ตามสถานที่และระยะทางในการเดินทาง ซึ่งในเรื่องสุขสันต์วันโสดนำเสนอในแง่มุมนี้ได้ดีมากครับ ตัวละครหลินและพุธ เมื่อพบกันครั้งแรกทั้งสองไม่ประทับใจซึ่งกันและกันนักแถมยังมีปากเสียงใส่กันในช่วงต้น แต่เมื่อทั้งสองเริ่มเดินทางด้วยกัน ไปยังสถานที่ต่าง ๆ ด้วยกันมากขึ้น ทั้งสองก็สามารถปรับตัวเข้าหากัน มีการผจญภัยช่วยเหลือซึ่งกันและกันตลอดระยะเวลาในการเดินทาง ได้รับรู้ถึงเรื่องราวและภูมิหลังของกันและกัน ได้พบปะรู้จักคนอื่น เรียนรู้ถึงเรื่องราวของคนอื่น แล้วเกิดการสะกิดใจบางอย่าง สุดท้ายก็นำไปสู่ความรัก

แล้วเอกลักษณ์หนึ่งของหนังแนว road movie ก็คือ จะเป็นการปลุกพลังการท่องเที่ยวให้กับผู้ชม เป็นการปลุกพลังการท่องเที่ยวให้กับสถานที่หรือแหล่งท่องเที่ยวที่ตัวละครเดินทางไป เพราะหนังได้นำเสนอภาพความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านั้นผ่านการเดินทางของตัวละคร และถ้าหากผู้กำกับภาพมีฝีมือในการเลือกมุมภาพด้วยแล้ว

จะทำให้สถานที่แห่งนั้นน่าไปเที่ยวมากขึ้นเป็นทวีคูณ โดยมากแล้วหนังแนว road movie ใช้สถานที่ท่องเที่ยวที่ยังไม่เป็นกระแสมากนักเป็นโลคชั่นในการถ่ายทำ อย่างเช่นในเรื่องสุขสันต์วัดโสด ได้เลือกโลเคชั่นที่สวยที่สุดหลาย ๆ แห่งที่ซ่อนตัวอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งยังมีคนรู้จักน้อยเช่น กิ่วแม่ปาน อำเภอจอมทอง ผาชมเดือน ดอยไม่มีชื่อ นาขั้นบันได ถนนแม่แดดน้อย ป่าสนวัดจันทร์ อำเภอกัลยาณิวัฒนา

ซึ่งแต่ละสถานที่ที่เลือกใช้นั้นล้วนแต่มีความสวยงามมีความเป็นธรรมชาติสูง ต้องขอชมผู้กำกับและผู้กำกับภาพที่เลือกสถานที่ต่าง ๆ นั้นมาใช้ในหนังได้อย่างลงตัวและเลือกมุมมองที่มีความสวยงามมานำเสนอในหนังได้ดีมากจนทำให้เราอยากเที่ยวตามรอยในสถานที่เหล่านั้น สถานที่ท่องเที่ยวในหนังแนว road movie ก็เปรียบเสมือนกับเป็นตัวละครเอกของหนังด้วยไม่แพ้ตัวละครที่เป็นมนุษย์เลย

รีวิว Low Season สุขสันต์วันโสด

ต่อมา ในที่นี้จึงขอสอดแทรกภาพยนตร์แนว Road Movie ที่เป็นการปลุกกระแสให้คนเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานในหนังสักหน่อยครับ เพื่อเป็นการกระตุ้นทำให้ใครหลายคนย้อนกลับไปดูหนังเหล่านี้ แล้วไปเที่ยวในช่วง high season หรือ low season ในประเทศไทยอย่าลืมไปรับชมที่ ดูหนังฟรี

 

 

ในส่วนเรื่อง รักจัง ฉายปี 2549 ใช้โลเคชั่นอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ และน้ำตกผาดอกเสี้ยว ผู้กำกับได้ใช้สถานที่ในการเพิ่มบรรยากาศความโรแมนติกของหนังได้อย่างดีมาก

ในส่วนเรื่อง Happy Birthday ฉายปี 2551 หนังรักโรแมนติก ที่ทำให้ใครหลายคนต้องเสียน้ำตาไปเป็นลิตร ๆ ใช้สถานที่ถ่ายทำเช่นปางอุ๋ง วัดจองคำ วัดจองกลาง แล้วถนนหนทางต่าง ๆ บนดอยจังหวัดแม่ฮ่องสอน แต่ละที่สวยมาก ๆ ครับ

ต่อมาเรื่อง ปายอินเลิฟ ฉายปี 2552 เรื่องราวความรักของคนหลายคนหลายช่วงอายุที่เดินทางไปยังเมืองปาย จังหวัดเชียงราย ถือว่าเป็นหนังเรื่องแรกที่ทำให้กระแสการท่องเที่ยวปายบูมขึ้นมามาก เกิดการพัฒนาเมืองปายให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม และทำให้นิยมจนเกินไปจนทำให้ปายแทบเสียความเป็นธรรมชาติไปเลย

แล้วเรื่อง Love Melody รักทำนองนี้ ฉายปี 2555 เป็นหนังรักโรแมนติกดราม่าที่ทำให้ใครหลายคนเสียน้ำตา ใช้สถานที่ในการถ่ายทำคือ ทุ่งดอกบัวตองสีเหลืองที่บานสะพรั่งทั่วหุบเขาของดอยแม่อูคอ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ผู้กำกับได้ใช้ฉากนี้ ให้พระเอกนางเอกของเรื่องเล่นเปียโนดอกไม้

และยังมีดอยกองมู เป็นฉากร้านกาแฟที่มีบรรยากาศสวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลกเลยก็ว่าได้ อีกทั้งยังใช้สถานที่สำคัญเช่นวัดจองคำ วัดจองกลาง และทะเลสาปปางอุ๋ง มาเติมความโรแมนติกให้กับหนังอีกด้วย

เรื่องตุ๊กแกรักแป้งมาก ฉายปี 2557 หนังนำเสนอเรื่องราวของวิถีชีวิตและชุมชน เมืองเชียงคานจังหวัดเลย นับเป็นเมืองที่ยังมีความสวยงามและยังเก็บความเป็นชุมชนดั่งเดิมเอาไว้มาก จุดสำคัญในเรื่องคือโรงหนังเพชรเชียงคาน ซึ่งใครที่ดูหนังเรื่องนี้แล้วจะต้องเดินทางไปยังสถานที่แห่งนี้ให้ได้

ยังมีหนังอีกหลายเรื่องที่นำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวจนทำให้เกิดการปลุกกระแสท่องเที่ยวตามรอยภาพยนตร์ ซึ่งข้อดีก็คือทำให้เกิดการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวทำให้เศรษฐกิจชุมชนเจริญเติบโตแต่ก็ยังมีข้อเสียคือเป็นการทำลายวิถีชีวิตของชาวบ้าน ทำให้ธรรมชาติเสื่อมโทรมการ ทำให้เกิดมลภาวะ ทำลายวิถีชีวิตชุมชน ซึ่งแน่นอนว่าทุกกิจกรรมจะต้องมีทั้งข้อดีและข้อเสียด้วยกันทั้งสิ้น ในฐานะที่เราเป็นประชาชนคนเดินทางท่องเที่ยวก็ต้องรู้จัก ให้ความเคารพวิถีชุมชนและรักษาสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เอาไว้เพื่อให้เป็นสถานที่ที่สวยงามอยู่คู่กับประเทศไทยต่อไปนาน ๆ ครับ

ความรู้สึกหลังดู

กลับมาที่หนังเรื่องสุขสันต์วันโสดกันครับ สุขสันต์วันโสดเป็นภาพยนตร์รักโรแมนติกที่ทำให้คนดูดูแล้วรู้สึก feed good ได้ตลอดแทบทั้งเรื่อง ผู้กำกับรู้จักใส่อารมณ์ขันในหลาย ๆ จุดได้อย่างลงตัว รู้จักใส่อารมณ์เศร้าในหนังได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังให้ความรู้สึกในการดูแล้วอบอุ่น ต่อให้ใครที่อยู่ในอารมณ์ชำระอกหักเมื่อดูแล้วก็ทำให้รู้สึกว่าโลกนี้ไม่ได้เลวร้ายเกินไปไปรับชมเลยที่ ดูหนังออนไลน์

 

 

แถมยังทำให้หัวใจที่ห่อเหี่ยวนั้นกลับมาพองโตได้ตั้งแต่หนังเริ่มฉาย สิ่งที่ทำให้องค์ประกอบนี้กลายเป็นจุดดีที่สุดของหนังก็คงต้องขอยกให้กับทีมนักแสดงของเรื่องซึ่งทุกคนเล่นดีมากเลยครับ ทั้งตัวพระเอก พุธ รับบทโดย มาริโอ้ เมาเร่อ เล่นได้เป็นธรรมชาติสมกับความสามารถของเขา ส่วนน้องหลิน รับบทโดย พลอยไพลิน ตั้งประภาพร เป็นดาราใหม่แกะกล่องที่โด่งดังมาจาก ยูทูปเบอร์ สายท่องเที่ยว สายลุย

เธอแสดงเรื่องนี้ได้ดีเกินคาด แถมความน่ารักสดใสของเธอทำให้ผู้ชายหลายคนต้องหลงใหล ถือว่าแจ้งเกิดในวงการภาพยนตร์ได้อย่างเต็มตัว แล้วเชื่อว่าถ้าเธอเลือกที่จะเดินทางสายนี้น่าจะมีอนาคตกับวงการนี้มากเลยครับ แต่ผมมีความรู้สึกว่าในการเป็นยูทูปเบอร์ของเธอก็ถือว่าดีมากพอแล้ว คนติดตามช่อง YouTube ของเธอเยอะมาก และรายการก็มีเนื้อหาเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ดีมากด้วยเช่นกัน พระนางคู่นี้มีเคมีที่เข้ากันได้ดีอย่างเหลือเชื่อ

นอกจากนี้นักแสดงสมทบแต่ละคนถือว่าเป็นจุดเด่นที่สำคัญไม่แพ้กัน สามารถสร้างสีสันให้หนังมีความกลมกล่อมและลงตัว โดยที่หนังใช้ไม่เยอะครับ ใช้ได้พอดีสุด ๆ อย่างแก๊งค์คนช้ำรัก ประกอบด้วย นุ่น รับบทโดย ศกลรัตน์ วรอุไร คนนี้ เซอร์ไพรส์สำหรับผมมากเธอเล่นหนังเก่งใช้ได้เลย วิทยา รับบทโดย ณฉัตร จันทพันธ์ คนนี้ก็ถือว่าพอใช้ได้ครับ อ้อม รับบทโดย ศรีพรรณ ชื่นชมบูรณ์ และโอม รับบทโดย อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัฐ สองคนหลังนี้ไม่ต้องพูดถึงฝีมือด้านการแสดงถึงจะเป็นการแสดงที่ไม่เยอะแต่ก็ทำให้เราเชื่อในสองตัวละครนี้ได้ทุกอนู

อีกหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือตัวละครพี่กะเร หนุ่มชาวเขาที่อาศัยอยู่บนดอยสูง ทำอาชีพปลูกข้าวที่อาศัยอยู่กับภรรยา พี่กะเร คือตัวละครสำคัญที่สุดตัวหนึ่งของเรื่องเป็นเสมือนตัวละครที่ทำให้พระเอกกับนางเอกได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ค่อนข้างเร็วที่สุด อีกทั้งยังทำให้พระเอกกับนางเอกได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับคุณค่าของการใช้ชีวิตคู่

คุณของของความตั้งใจทำบางสิ่งบางอย่าง ส่วนตัวเปิ้ลนาคร ศิลาชัยที่รับบทพี่กะเร สำหรับผมแล้วเขาเล่นดีมากครับ อารมณ์ขันจังหวะตลกค่อนข้างพอดี ดูแล้วรู้สึกไหลลื่น หลายมุกหลายบทพูดเข้าใจว่าจะเป็นการด้นสดของเปิ้ล นาครกับมาริโอ้ เป็นธรรมชาติดีมากครับ แถมตัวละครตัวนี้ยังใส่ Easter Egg

 

รีวิว Low Season สุขสันต์วันโสด

 

ที่แสดงถึงการร่วมงานกันระหว่างผู้กำกับ นฤบดี เวชกรรม มาริโอ้ เมาเร่อ และนาครศิลาชัย จากภาพยนตร์เรื่อง สาระแนสิบล้อ ที่ฉายเมื่อปี 2553 ซึ่งนฤบดี เวชกรรม นี่แหละ ที่สามารถดึงเอกลักษณ์สำคัญในการแสดงในมุมตลก อารมณ์ขันของมาริโอ้ออกมาได้อย่างที่เราเห็นในทุกวันนี้

ข้อดีมาก ๆ ของสุขสันต์วันโสดคือภาพครับ การถ่ายภาพสวยมาก เลือกมุมมองได้ดี เลือกสถานที่ได้ดีมาก ที่ชอบมากคือมุม Bird’s Eye View ทำให้เห็นสถานที่ได้กว้าง โดยเฉพาะการถ่ายมุมสูง ที่ให้เห็นการวิ่งของรถไปตามถนนนั้นสวยงามมาก ๆ การให้สีของภาพสวยมาก การเลือกบรรยากาศ ชาวงเวลาก็ทำได้ดีมากครับ

แต่องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของเรื่องที่ทำให้สุขสันต์วันโสดนั้นลงตัว ทั้งในแง่ของอารมณ์และความรู้สึก สามารถคุมโทนหนังของเรื่องให้อยู่ในอารมณ์เดียวได้ต้องขอยกความดีความชอบให้กับเพลงประกอบภาพยนตร์ครับ โอ้โห มันลงตัวสุด ๆ เพลงเพราะมาก ทั้งเพลงบรรเลง เพลงที่มีคนร้อง มันเข้ากับหนังเรื่องนี้มาก ๆ มันสื่อถึงความสุข มิตรภาพ ความเหงา ความอบอุ่น ความอิ่มเอมใจ

ลงตัวจนไม่รู้จะอธิบายหรือชื่นชมยังไงไหว โดยเฉพาะเพลงของเขียนไขและวานิช พอนำมาใส่ในหนังเรื่องนี้มันมหัศจรรย์มาก ประมาณว่า ดูหนังเรื่องนี้จบก็รีบไปหาเพลงมาฟังกันเลยทีเดียว หากมีการประกอบมอบรางวัลภาพยนตร์ในสาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Original Song) และ

ดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Original Score) ผมว่าถ้าเรื่องสุขสันต์วันโสดไม่ได้รางวัล ผมว่าคณะกรรมการคงมีปัญหาแล้วละครับ ในด้านเพลงประกอบภาพยนตร์นั้นผมถือว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด เป็นสิ่งที่ดีงามที่สุดของหนังเรื่องสุขสันต์วันโสดเลยครับ

อีกประเด็นหนึ่งที่ไม่อาจข้ามได้เลยคือประเด็นนางเอง หลิน เห็นผี ในแง่ของการออกแบบผีที่ออกมาให้หลินเห็นแต่ละตอนนั้น หนังทำออกมาได้ดีมากๆ แม้โทนหนังของเรื่องจะเป็น feed good แต่ทุกครั้งที่ผีออกมาก็ออกมาหรือยังน่ากลัวมาก การออกแบบผี อาจจะน่ากลัวกว่าหนังที่มาแนวหนังผีซะด้วยซ้ำ แม้จะใช้จังหวะตื่นตกใจแบบจั๊มสแกร์ทุกครั้ง แต่ผมว่าทุกครั้งมันก็ค่อนข้างได้ผล มันเป็นส่วนผสมที่ทำให้คนดูแล้วรู้สึกว่ามันไม่ได้ติดกับอารมณ์รักหวานแว๋วมากเกินไป ซึ่งผมมองว่าผู้กำกับมาถูกทางแล้วครับ ซึ่งหากจะมาแนวทางหนังผีหรือทางสยองขวัญผมว่าไม่เวิร์คแน่นอน

ในแง่ของนางเอกเห็นผีนั้น หากจะมองให้ดีแล้วมันก็เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญมาก ๆ ที่ผู้กำกับต้องการนำเสนอ ผีในหนังก็เปรียบเหมือนกับประสบการณ์ความรักของมนุษย์ เพราะความรักของคนเรานั้นไม่ได้มีความดีหรือด้านที่สวยงามเสมอไป ความรักของทุกคนล้วนแต่มีด้านที่ผิดหวัง ช้ำรัก มีอุปสรรคเข้ามาแทรกด้วยกันทั้งสิ้น

การที่ใครคนใดคนหนึ่งผิดหวังจากความรัก ถูกคนรักหลอกหรืออกหักนั้นก็เหมือนกับการที่คนเราเห็นผี ส่วนการทำให้ผีออกมาแล้วใส่จังหวะตกใจ ก็เปรียบเหมือนคนเราเจอสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่คาดหวังอย่างทันทีทันใดแบบไม่ตั้งตัว แล้วเกิดอาการช็อคไปชั่วขณะนั่นแหละ

อย่างไรก็ตามไม่มีใครเห็นผีไปตลอดเวลาหรือตลอด 24 ชั่วโมงหรอก เช่นการที่หลินเห็นผี ก็เป็นสัญลักษณ์ของการถูกหลอกลวงการอกหัก การผิดหวังจากความรัก แต่หลินก็ได้เห็นภาพความสวยงามของสถานที่ต่าง ๆ ที่พุธพาไปด้วย ดังนั้นผีจึงเป็นบุคลาธิษฐานที่นำเสนอด้านลบของความรัก ส่วนสถานที่สวยงามต่าง ๆ ก็เป็นบุคลาธิษฐานด้านบวกของความรักเช่นกันไปดูกันเลยที่ เว็บดูหนังฟรี

 

 

อีกประเด็นหนึ่งที่ไม่อาจพูดข้ามได้คือ การทิ้ง การทิ้งในสุขสันต์วันโสดนั้น ผู้กำกับทำให้เห็นในหลายประเด็นเช่นการที่คนเป็นแฟนกันทิ้งกัน เช่นหลิน พุธ และกลุ่มของเพื่อนที่ต่างคนต่างถูกทิ้งแล้วมารวมตัวกัน การที่พุธและหลินเดินทางขึ้นดอยไปหาพี่กะเร ซึ่งขณะเดินทางนั้นมอเตอร์ไซค์ที่ใช้พังจนซ่อมไม่ได้ทั้งสองคนจึงเลือกทิ้งมอเตอร์ไซค์เอาไว้ข้างทางแล้วเดินเท้าไปจนทำให่เกิดการพูดคุยและเรียนรู้กัน

การที่หลินทิ้งสิ่งของที่พุธมอบให้เธอ การที่นักท่องเที่ยวทิ้งสิ่งของบางอย่างไว้ใน Guest House ซึ่งหากมองในเชิงสัญลักษณ์แล้ว การทิ้งในหนังก็เปรียบเสมือนว่าเป็นการทิ้งอดีต ทิ้งเรื่องราวที่ไม่ดี ทิ้งความโศกเศร้าบางอย่าง ก็เพื่อการก้าวเดินออกไปพบสิ่งใหม่ ๆ หรือสิ่งที่คิดว่าน่าจะดีกว่านั่นเอง

แม้กระทั้งหนังจบ ตอนเสนอเครดิตผมยังชอบเลย มีการใส่เบื้องหลังและภาพหลุดในการถ่ายทำ เรียกได้ว่าอมยิ้มตั้งแต่หนังเริ่มฉายจนหนังฉายจบจอดำเลยครับ

แม้จะเป็นหนังที่ดีมาก ให้ความหมายที่ดีทั้งกับมุมมองความรัก ความสัมพันธ์ มิตรภาพ การเดินทาง และสถานที่ถ่ายทำที่สวยมาก แต่หนังก็ยังมีแผลหรือสิ่งที่ทำให้ติได้อยู่บ้างเช่น หนังใส่ความเชยเอาไว้อยู่มากเช่น พระเอกนางเอกล้มทับกันแล้วกอดกัน ตอนจบก็เชยมาก ๆ แถมยังมีหลายฉากที่ดูแล้วทำให้รู้สึกถึงหนังไทยหลายเรื่องเช่น กวนมึนโฮ และสิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก เป็นต้น

 

 

นอกจากนั้นหนังยังมีเส้นเรื่องและสถานการณ์ที่น้อยมาก ก็แค่คนช้ำรักมาเจอกัน เดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ และสถานการณ์ก็ทำให้ทั้งสองคนรักกัน เกิดจุดขัดแย้งแล้วก็จุดคลี่คลาย หากเทียบกับกวนมึนโฮ หนังแนวรัก road movie เหมือนกันนั้น กวนมึนโฮ เขาใส่สถานการณ์และจุดหักเหของเรื่องเข้าไปเยอะมาก แต่เป็นความมากที่ค่อนข้างลงตัวและพอดี ในแง่ของเส้นเรื่องเราจึงหยิบจับอะไรจากสุขสันต์วันโสดไม่ได้มากนัก

อย่างไรก็ตาม ทุกองค์ประกอบของหนังที่กล่าวไปนั้น ล้วนแต่ เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้สุขสันต์วันโสดมีความลงตัว มีความตราตรึงใจ ประทับ มีความ feed good แม้จะมีจุดที่ทำให้รู้สึกติดใจอยู่บ้าง

แต่ถ้าหากดูในแง่ของการเป็นองค์รวมหรือดูในภาพกว้างแล้ว ในทัศนะส่วนตัวของผมก็ไม่สามารถหักคะแนนสุขสันต์วันโสดได้เลย ขอยกหนังเรื่องนี้เป็นหนึ่งในหนังรักในดวงใจที่สุดตลอดกาลของผมเทียบเท่า สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก กวนมึนโฮ เพื่อนสนิท และรักแห่งสยาม เลยทีเดียวครับ

ชื่นชอบการรีวิวของเราสามารถติดตามการรีวิวได้ที่นี้ทีเดียว เว็บรีวิวหนัง