รีวิว Jojo Rabbit

ในส่วนของ Jojo Rabbit หนังฟอร์มม้ามืดที่มีชื่อชิงออสการ์อีกหนึ่งเรื่องที่พลอตน่าสนใจมาก โดยเป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากหนังสือ Caging Skies ของ คริสติน ลูเน็นส์  ที่ออกมาในปี 2008 เล่าเรื่องของเด็กชายคนหนึ่งในค่ายยุวชนฮิตเลอร์ ผู้ทุ่มเทใจทั้งหมดให้กับการเป็นทหารนาซี แต่แล้วโลกทั้งใบของเด็กชายคนนี้กลับเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเขาได้รู้ว่าพ่อแม่ของตัวเองได้ซ่อนตัวเด็กหญิงชาวยิวไว้ในบ้านดูได้ที่ ดูหนัง

 

 

ซึ่งจากโครงเรื่องในหนังสือนั้นค่อนข้างเดินไปในมุมมืดหม่นและดราม่ากับความผิดหวังที่รุนแรง แต่ในเมื่อมันมาอยู่ในสายตาของ ไทกา ไวติติ ผู้กำกับยิวแล้ว มันเลยกลายมาเป็น Jojo Rabbit ที่ใส่ความเป็น comedy เข้ามา เปลี่ยน mood and tone ของเรื่องไปในบัดดล ซึ่งจริง ๆ แล้วไทกา เริ่มเขียนบท Jojo Rabbit ไว้ตั้งแต่ช่วงที่เขากำกับ Boy (2010) แต่กว่าจะได้ปัดฝุ่นกลับมาทำก็ต้องรอหลังจากที่จบโพรเจกต์ Thor: Ragnarok(2017) งานกำกับหนังบล็อกบัสเตอร์เรื่องแรกของเขาด้วย

และในส่วน Jojo Rabbit มีการปรับบทให้มีความเป็นแฟนตาซีมากขึ้น โดย โจโจ้ เบซเลอร์ (โรมัน เดวิส) เด็กหนุ่มวัย 10 ขวบที่เป็นสมาชิกค่ายยุวชนฮิตเลอร์ ผู้ซึ่งเติบโตมาด้วยความฝันอยากเป็นทหารนาซีรับใช้ฮิตเลอร์ โดยหนุ่มน้อยโจโจ้ มีเพื่อนในจินตนาการคือ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์  (ไทกา ไวติติ) ผู้นำพรรคนาซี อย่างไรก็ตาม โลกของเด็กหนุ่มต้องเปลี่ยนไปเมื่อพบว่า โรซี (สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน) แม่ของเขาแอบซุกซ่อนเด็กหญิงชาวยิวเอาไว้ที่ห้องใต้หลังคา

แน่ชัดว่า นี่ไม่ใช่หนังเรื่องแรกที่พูดถึงความโหดเหี้ยมของฝั่งพรรคนาซี, ตัวฮิตเลอร์ หรือขยี้น้ำตาจากความคับแค้นใจของฝั่งยิว แต่ Jojo Rabbit นั้นฉีกสไตล์การเล่าเรื่องออกไปเลย และยังคงไว้ซึ่งบรรยากาศและสถานการณ์ในเยอรมนีช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยโทนของตัวหนังสว่างสดใส ไร้ความหมองหม่น จากช่วงแรกที่หนังปูและชูอุดมการณ์ของพรรคนาซีแบบอวยแหลก ก่อนจะค่อย ๆ เผยความฮาของท่านผู้นำโรคจิตคนนี้ออกมา ต้องบอกว่าผู้กำกับ ไทกา ที่มารับบทฮิตเลอร์เองด้วยนี่เล่นได้เข้าถึงมาก เคมีส่งกับเจ้าหนู โรมัน เดวิส ที่ต้องบอกว่าฉายแววสุด ๆ ทั้งที่เป็นหนังเรื่องแรกของหนุ่มน้อยคนนี้

 

รีวิว Jojo Rabbit

 

หนังเดินเรื่องเเบบโครตดี ตัวละครมีเสน่ห์มาก ๆ โดยเฉพาะ สการ์เล็ตต์ ในบทบาทของ โรซี แม่ที่ต้องการปกป้องลูกชายจากการถูกล้างสมองของพรรคนาซีด้วยสไตล์แม่สายเฟียสที่ซุกซ่อนปมและแนวคิดที่สวนทางกับเผด็จการไว้ใต้พรม ทุกครั้งที่เธอออกมา มันยกระดับของหนังไปได้อีกจริง ๆ จากมิติการแสดง ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก การปลอบประโลมยาม โจโจ้ เรียกร้องหาพ่อที่หายไปในสงคราม การรับบทที่เป็นทั้งแม่และพ่อที่ไม่ต้องเล่นหนัก บีบเค้น โหยหา แต่หน้าเธอยิ้ม มั่นใจ ‘ฉันเอาอยู่’ นอกจากแคสต์แล้ว การเซ็ตฉากบรรยากาศในช่วงยุค 30s ก็เก็บรายละเอียดดีมาก อีกทั้งคอสตูมในเรื่องนี้ก็เด่นมากทุกตัวละคร เรียกว่าขนาดสาวยิวที่ต้องหลบซ่อนในห้องใต้หลังคาแคบ ๆ โผล่ออกมาทีไรชุดจัดเต็มนึกว่าจะไปเดินแฟชันโชว์ (ฮา)

รีวิว Jojo Rabbit

ถึงเเม้ว่าจะมีความตลกภายใต้ความฮาแบบจิกกัดบนความตลกร้าย อีกด้านหนึ่ง หนังเรื่องนี้ก็สามารถแอบทำให้เรารู้สึกอึ้ง และหดหู่กับสถานการณ์บ้านเมืองช่วงนั้นที่อยู่ในภาวะสงครามด้วย เรายังได้เห็นความโหดเหี้ยมและเลือดเย็นในระดับซีเรียสของทหารนาซี มันอาจไม่มีซีนโหด ๆ แรง ๆ ยิ้มไปแทงไปสไตล์ แต่แต่ละซีนที่โผล่ออกมา มันเป็นความรู้สึกสตั๊นท์ รู้สึกสูญเสียเจ็บปวดผ่านการเล่าที่มีคลาสที่ให้คนดูไปตีความต่อ โดยไม่จำเป็นต้องขยี้หรือเค้นน้ำตามากมายอย่าลืมไปรับชมที่ ดูหนังฟรี

 

 

สิ่งที่ประทับใจมาก ๆ ของ Jojo Rabbit คือการเป็นหนัง coming of age ที่ทรงพลัง จากความเป็นเผด็จการที่มีเมจเซจเอาตัวเองและพวกพ้องเป็นที่ตั้ง สู่ความเห็นใจและยอมรับในความแตกต่างของเพื่อนมนุษย์ ความไร้เดียงสาของเด็กหนุ่มที่ถูกล้างสมองกับเด็กสาวชาวยิวที่ไม่เคยออกไปเห็นโลกภายนอกยิ่งขับเสน่ห์ของหนังจากเคมีของคนทั้งสองออกมา การที่ทั้งคู่ค่อย ๆ รับรู้และเรียนรู้ จนมองเห็นมุมดี ๆ ของกันและกัน เมจเซจตรงนี้อิมแพ็กมาก มากจนอยากให้เด็กต่างวัย 2คนนี้อยู่ด้วยกันตลอดไป

ยังไงก็ถือว่า Jojo Rabbit มาถูกที่ถูกเวลาในสถานการณ์บ้านเมือง คนไทยดูช่วงนี้อาจจะอินมากเป็นพิเศษ หากพูดภาษาบ้าน ๆ หนังอาจจะบอกว่า เป็นสลิ่มไม่คูลหรอกยู! แต่อีกด้านหนึ่งก็บอกว่า การจำกัดความ จำกัดสีเสื้อ การไปแปะป้ายอีกฝั่งว่าเป็น เสื้อสีไหน ทีมใคร ไม่ใช่ทางออก ความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันมากกว่าที่จะทำให้ความแตกต่างยังคงอยู่ด้วยกันได้

ความรู้สึกหลังดู

ฉันชอบงานของไทก้า ไวทีที…ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่ฉันจะอยากดู “กระต่ายโจโจ้”…ผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุดและแปลกประหลาดที่สุดของเขา งานก่อนหน้าของเขา เช่น “Hunt for the Wilderpeople” และ “What We Do in the Shadows” ทำให้ฉันประทับใจมาก ด้วยเหตุนี้ ฉันรู้สึกเศร้ามากที่ฉันไม่ประทับใจ “Jojo” เป็นพิเศษ….แม้ว่าฉันต้องยอมรับว่ามันถูกสร้างขึ้นมาอย่างดี ปัญหาสำหรับฉันคือภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่ละครหรือเรื่องตลกจริงๆ บางสิ่ง เช่น ชุดของแซม ร็อคเวลล์ในช่วงท้ายของหนัง มันดูเหนือจริงและไร้เหตุผลไปรับชมเลยที่ ดูหนังออนไลน์

 

 

หากคุณกำลังมองหาหนังตลกที่มีความตายและฮิตเลอร์อยู่ในนั้น ก็ไม่ตลกเลยสักนิด หากคุณต้องการละครที่จริงจังเกี่ยวกับเดือนสุดท้ายของ Third Reich ภาพยนตร์เรื่องนี้มักจะเบาเกินไปและไร้กังวล….กรณีผิดปกติที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ล้มเหลวทั้งสองเรื่องกับฉัน อย่างที่กล่าวไปแล้ว บทวิจารณ์สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแง่บวกอย่างเหลือเชื่อ

และคุณอาจสนุกกับมัน….แต่สำหรับฉัน มันยังเร็วเกินไปที่จะสร้างภาพยนตร์ที่เข้าข่ายฮิตเลอร์เช่นนี้…โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากไม่เหมือน “The Producers” “มันไม่ตลกจริงๆ

Jojo Rabbit บอกเล่าเรื่องราวของวันสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่สองผ่านสายตาของเด็ก เพื่อเป็นการเฉพาะเจาะจงเป็นสมาชิกของยุวชนฮิตเลอร์ Roman Grifin Davies อายุ 10 ขวบเป็นตัวเอกของเราในเรื่องนี้ เมื่อพวกนาซีได้รับอำนาจ ฮิตเลอร์ก็เป็นหนึ่งในวิธีที่ร้ายกาจที่สุดในการรวบรวมอำนาจในอนาคต หากพวกเขาไม่ได้เริ่มสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุโรป ผู้ที่รู้ว่าพวกเขาจะอยู่กับเยาวชนทั้งรุ่นที่ได้รับการปลูกฝังอย่างที่เป็นอยู่ได้นานแค่ไหน เช่นเดียวกับเยาวชนทั่วโลก

 

รีวิว Jojo Rabbit

 

เดวีส์อยู่ภายใต้แรงกดดันจากคนรอบข้าง เขาไม่ใช่เด็กที่มีความโน้มเอียงทางกีฬามากที่สุดและมีปัญหากับร่างกาย อย่างไรก็ตามเขามีเพื่อนในจินตนาการ Fuerr เองที่เล่นโดยผู้กำกับ Taika Waititi สนับสนุนให้เขา

ชื่อเรื่องเกิดขึ้นเมื่อเด็กขี้เล่นเกี่ยวกับการฆ่ากระต่าย และได้รับ Jojo Rabbit จากการเย้ยหยัน แต่แม่ของเขา Scarlett Johansson ไม่ค่อยกระตือรือร้นกับพวกนาซีมากนัก และเธอก็ถูกพาตัวไปซ่อน Thomasin McKenzie ซึ่งเป็นวัยรุ่นชาวยิว เมื่อเด็กหนุ่มค้นพบสิ่งนี้

มันทำให้เขาตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทั้งดราม่า กึ่งตลก เสียดสี Jojo Rabbit มีบางสิ่งที่ดึงดูดทุกรสนิยม Jojo Rabbit คว้ารางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก Scarlett Johansson เมื่อดู Jojo Rabbit เป็นภาพยนตร์ที่จะอ้อยอิ่งไปดูกันเลยที่ เว็บดูหนังฟรี

 

รีวิว Jojo Rabbit

 

เป็นสงครามโลกครั้งที่สองและเยอรมนีกำลังสูญเสียสงคราม Jojo Betzler (โรมัน กริฟฟิน เดวิส) วัย 10 ขวบผูกรองเท้าตัวเองไม่ได้และมีเพื่อนในจินตนาการในฮิตเลอร์ (ไทก้า ไวทีที) เขากำลังเริ่มการฝึกเยาวชนของฮิตเลอร์ภายใต้กัปตัน Klenzendorf (Sam Rockwell) ทหารผ่านศึกที่เหนื่อยล้า เขาปฏิเสธที่จะฆ่ากระต่ายและพวกนั้นเยาะเย้ยเขาในฐานะ Jojo Rabbit

อยู่มาวันหนึ่ง เขาพบผู้หญิงคนหนึ่งอาศัยอยู่ที่ผนังห้องของพี่สาวผู้ล่วงลับของเขา โรซี่ (สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน) แม่ของเขากำลังซ่อนเอลซ่า เด็กหญิงชาวยิว (โธมัสซิน แมคเคนซี) นี่คือภาพยนตร์ที่สร้างสรรค์ มันรู้สึกดีและอกหัก มีทั้งเรื่องขบขันและโศกนาฏกรรม เป็นภาพยนตร์นอกกรอบที่ยอดเยี่ยมจาก Taika Waititi ที่ไม่ธรรมดา เด็กมันเก่ง. เพื่อนที่ดีที่สุดเป็นคนตลก ScarJo ยอดเยี่ยมมาก มีการชกต่อยทางอารมณ์ครั้งใหญ่ มีการเลี้ยวที่น่าแปลกใจ นี่เป็นหนึ่งในปีที่ดีที่สุด

หนังเรื่องนี้ปูเนื้อเรื่องมาได้โครตดี คอสตูมเริ่ด เซตฉากสมจริง ฉลาดเล่าเรื่อง นักแสดงเล่นดีทุกคน เคมีแต่ละคู่เข้ากันลงตัว ไม่มีใครดร็อปเลย

ชื่นชอบการรีวิวของเราสามารถติดตามการรีวิวได้ที่นี้ทีเดียว เว็บรีวิวหนัง