รีวิว อ้ายคนหล่อลวง

จะมาพูดถึงหนังตลกของประเทศไทยกันบ้าง บอกได้เลยว่าเรื่องนี้เป็นหนังตลกที่ค่อนข้างหักมุมกันเลย ส่วนเรื่องของบทนั้น แฟนเก่าเบี้ยวหนี้ คลาสสิก หมาป่าอย่างไอ้เพชร ที่มันคิดที่จะเข้าไปขย้ำแกะ ไม่คิดระแวงหรอกว่าแกะจะหลอกมันรึป่าวคนที่อยู่ในสนามจะไปอ่านเกมออกได้ยังไง แล้วอย่างพี่ไว้ใจได้ใช่ไหม นี่เป็นบทสนทนาของสองตัวละครหลักใน ‘อ้ายคนหล่อลวง’ ที่ดูแล้วมีความหักเหลี่ยมเฉือนคม เหมือนหนังโจรกรรม…ใช่ อ้ายคนหล่อลวง คือหนังจรชนที่มีภารกิจไปลวงเงินจากเหยื่อ แต่มันเวิร์คไหม สนุกไหม ดูได้ที่ ดูหนัง

 

 

ในส่วนของ “อ้ายคนหล่อลวง” ภาพยนตร์คอมเมดี้ส่งท้ายปีของ “จีดีเอช” จากผู้กำกับฝีมือดี “เมษ ธราธร” ผู้ที่เคยฝากผลงานภาพยนตร์กันมาแล้วอย่าง ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้ ในครั้งนี้เขากลับมาเรียกเสียงหัวเราะกันอีกครั้ง กับการตีแผ่แผนกลลวงสุดฮาที่ใครหลาย ๆ คน อาจคาดไม่ถึง ขนาดคนรักที่เราไว้ใจยังหลอกกันได้ แล้วถ้าคุณต้องมาเจอกับมิจฉาชีพที่หน้าตาหล่อเหลาเอาการ คุณจะตกเป็นเหยื่อของความโลภ หรือจะตกเป็นเหยื่อของความรัก

และในส่วนของบทนั้น ‘ทาวเวอร์’ รับบทโดย ‘ณเดชน์ คูกิมิยะ’ นักต้มตุ๋นคอลเซ็นเตอร์สุดแพรวพราว ที่ดันพลาดท่าถูก ‘อินา’ รับบทโดย ใบเฟิร์น – พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ อดีตสาวแบงค์สุดเพี้ยนจับไต๋ได้

และบทอินาจึงยื่นข้อเสนอให้ทาวเวอร์คิดแผนต้มตุ๋น ‘เพชร’ รับบทโดย แบงค์ – ธิติ มหาโยธารักษ์ แฟนเด็กที่หลอกให้อินาเปย์ค่าเทอมหลายแสนแล้วชิ่งหนี จนอินาเป็นหนี้ท่วมหัว

หลาย ๆ คนคงเคยรับชมตัวอย่างที่ปล่อยออกมากันบ้างแล้ว แต่ขอบอกเลยว่ามันเป็นเพียงแค่น้ำจิ้มเท่านั้น ตัวภาพยนตร์เต็มเรื่องจริงๆถือว่าทำออกมาได้คอมมาดี้สุดๆ สมแล้วที่เป็นภาพยนตร์ส่งความสนุก เรียกเสียงหัวเราะเฮฮากันปลายปีจากจีดีเอช

 

 รีวิว อ้าย..คนหล่อลวง

 

ซึ่งด้วยความที่ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดยเมษ กลิ่นอายจาก ATM เออรัก เออเร่อ ก็ยังคงมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นตัวธนาคารอย่าง JNBC เองก็มาปรากฎในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย

สิ่งที่ต้องน่าชมจริง ๆ คือนักแสดงทุกคนเล่นดีมาก โดยเฉพาะคู่พระนาง ‘ณเดชน์ คูกิมิยะ’ และ ‘ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก’ ถือว่าเคมีความฮาดูเข้ากันได้ดีมาก  สำหรับใบเฟิร์น เธอเล่นออกมาได้แบบไม่ห่วงสวย และทำให้เราเชื่อได้ว่า สาวนคนนี้เป็นแกะที่โดนหลอกและเสียค่าโง่ได้อย่างแนบเนียน (ฉากปล่อยผมในตำนานที่เห็นในตัวอย่าง พอดูในหนังจริงๆ ก็ยิ่งรู้สึกว่า…คลาสิก)

และขณะที่การแสดงของณเดชน์ ต้องบอกว่าเป็นธรรมชาติแบบสุดๆ ทุกฉากที่ณเดชน์ โผล่ออกมา ไม่มีข้อกังขาในการแสดงของเขาเลย โดยเฉพาะการเป็นนักต้มตุ๋น เนียนกริ๊บ! (แต่ถ้าหามว่าเราชอบฉากไหน แนะนำฉากซิ่งรถเฟอร์รารี นั่นคือสุดยิดการแสดงของณเดชน์ ในหนังเรื่องนี้เลย)

รีวิว อ้ายคนหล่อลวง

ส่วนสาเหตุที่นักแสดงรีดความสามารถในการเล่นออกมาได้ขนาดนี้ ในบทสัมภาษณ์ของเบื้องหลัง ณเดชน์ เล่าว่า ผู้กำกับเปิดโอกาสให้นักแสดงลองเล่นโดยการตีความตัวละครนั้นๆ เอง นอกเหนือจากเล่นตามบท บางฉากก็เล่นไป 4 – 5 แบบ อย่าลืมไปรับชมที่ ดูหนังฟรี

 

 

แต่ก็ในเรื่องของความโรแมนติกนั้นยังดูไม่ค่อยสุดกันไปหน่อย อาจจะด้วยบทที่ไม่ได้ทำให้ทั้งคู่ได้มีโอกาสโรแมนติคมากนัก แต่ๆๆๆ มันก็มีฉากน่ารักให้เราได้อมยิ้มในคู่นี้และแอบเอาใจช่วยอยู่นะ

เอาให้เห็นภาพง่าย ๆ โดยรวมถือได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ทำการบ้านออกมาได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการตีแผ่กลเม็ดของเหล่ากลโกงในไทยหลากหลายวิธี

และตัวเบื้องหลังของบทเรื่องนี้ใช้เวลาทำบทประมาณ 2 ปีจากการศึกษาพฤติกรรมนักต้มตุ๋นจริงๆ นั่นทำให้ความเนียนของหนังเรื่องนี้ ความสมจริง ไม่ได้เวอร์ หรือเกินจริงไปเลย เพราะนั่นเป็นพฤติกรรมจริงๆ ที่เราเห็นตามหน้าข่าว

แต่ซึ่งพอเอามาทำเป็นหนัง แม้นั่นจะเป็นพฤติกรรมที่หลอกลวง แต่ว่าเรากลับเอาใจช่วยในภารกิจนี้ เหมือนกับที่เราเอาใจช่วตัวเองในหนังจารกรรม เช่น Ocean’s Twelve หรือ Now You See me ยังไงยังงั้น

ความรู้สึกหลังดู

สนุกนะ ผมชอบเนื้อเรื่องและการหลอกไปมาของเรื่องนี้ แต่ถ้าเทียบกับเรื่องอื่นของเมษแล้ว เรื่องนี้น่าจะตลกน้อยที่สุดแล้วล่ะ ผมว่ามันกลมกล่อม นักแสดง ok ปล. ตลกโสโครกลดลงบ้างเถอะ มันอี๋มาก ไปรับชมเลยที่ ดูหนังออนไลน์

 

 รีวิว อ้าย..คนหล่อลวง

 

 จากตัวอย่าง ด้วยชื่อชั้นผู้กำกับอย่าง เมษ ธราธร ที่เป็นมือวางด้านความตลกและรายได้ นักแสดงนำระดับแม่เหล็กอย่าง ณเดชน์ และ ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ฝีมือทั้ง 2 คน ก็ระดับล่ารางวัล ก็น่าจะออกมาดี แต่ผมว่าจากตัวอย่าง ความน่าสนใจดูน้อยไปสักนิด ความตลกดูน้อยไปหน่อย ก็ดูน่ากังวลพอประมาณ แต่ของแบบนี้ก็คงต้องไปวัดกันในหนังจริง

ช่วงแรก หนังเปิดมาอย่างไวมาก เดินเรื่องเร็วมากที่สุดเรื่องหนึ่งที่เคยดูในหนังไทยเลย เนื้อเรื่องเล่าแบบด่วนจี๋ ซึ่งก็ทำได้น่าสนใจ ติดใจเล็กน้อยตรงความสัมพันธ์และความเชื่อใจที่มันก็เร็วตามการเล่าเรื่องไปด้วย

ช่วงกลาง สนุกครับ ใครชอบแนวต้มตุ่น หลอกลวง หักเหลี่ยนเฉือนคม ผมว่าบันเทิงเลยล่ะ ซึ่งต้องชมความลื่นไหลของบท รวมถึงทริกต่างๆ ที่นำมาใช้ก็ลงตัวดี แต่ความพยายามจะตลกของเรื่องนี้ มันดูออกจะล้นๆไปนิด ปกติมุกต่างๆ ยิงมามันต้องโดนเยอะ แต่เรื่องนี้ผมไม่ค่อยโดนเท่าไหร่

ช่วงท้าย การหักเหลี่ยมเฉือนคมเข้มข้นดีครับ เป็นจุดที่เจ๋งมากของเรื่องนี้ มันไมม่มีช่วงน่าเบื่อเลย และที่สำคัญ ผมชอบตอนจบของเรื่องนี้มากเลย มันลงตัวและดูครบทั้งตลก โรแมนติก สวยงาม

ในด้านนักแสดง บทของเรื่องนี้ไม้ได้ต้องการพลังและความสามารถทางการแสดงในระดับสูงมากเหมือนเรื่องก่อนๆ ของ GDH แต่ถึงกระนั้น นักแสดงทุกคนก็ทำได้ดี ณเดชน์ และใบเฟิร์น ก็ดูลงตัวและเข้ากัน แบงค์ ธิติ แหม่ม คัทลียา และ เผือก พงศธร ก็ทำได้เยี่ยม ส่วนตัวแย่งซีนอย่าง เต๋อ ฉันทวิชช์ แแนะนำให้ไปดูเองดีกว่าครับ55  ไปดูกันเลยที่เว็บดูหนังฟรี

 

 รีวิว อ้าย..คนหล่อลวง

ข้อดีของหนังเรื่องนี้เห็นจะเป็นการเล่าเรื่องที่รวดเร็ว ความลื่นไหลของเนื้อเรื่องและการแสดง ทำให้ไม่มีช่วงน่าเบื่อหรืออืดเลย ทั้งที่หนังยาวตั้ง 130 นาที เป็นความสนุกที่ลื่นไหล ความสำเร็จนี้ต้องยกให้ทุกฝ่ายทั้ง ผกก นักแสดง ทีมงาน ทีมตัดต่อ ที่ทำให้หนังออกมาดูเพลินได้ขนาดนี้ และยังเป็นหนัง GDH ที่ผมชอบช่วงตอนจบ ที่ดูแล้วมีความสุข อีกอย่างที่อาจไม่เกี่ยวกับหนัง แต่เพลงประกอบของแบมแบมคือติดหูมากๆครับ ฟังครั้งกดไปดูทันทีว่าใครเป็นคน produce ซึ่งแบมแบม และทีมงานเกาหลีเป็นคนทำ ผมชอบ sound มากครับ

ข้อเสีย แน่นอนว่าหนังของเ เมษ ธราธร ย่อมมีความคาดหวังในด้านความตลกที่ไม่ธรรมดา เพราะ “ATM เออรัก เออเร่อ” และ “ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้” สร้างมาตรฐานความตลกไว้สูงเหลือเกิน แต่เรื่องนี้ต้องบอกตามตรงว่าในด้านความตลก ค่อนข้างน่าผิดหวัง ไม่มีฉากหัวเราะแบบฮากระจาย หรือหัวเราะจนตัวงอ แถมยังคงใส่ตลกแนวโสโครก เล่นกับความสกปรก เข้ามาเช่นเคย ส่วนตัวไม่ว่าผมจะเคยขำกับฉากฟันปลอมใน ATM กับฉากดึงกางเกงใน ในไอฟาย แค่ไหนก็ตาม ผมก็มันก็ยังมีความรู้สึกอี๋อยู่เสมอเวลาดู ในเรื่องนี้ก็ยังคงมีเช่นเคย ผมก็ขำนะครับ แต่ก็ไม่ชอบอยู่ดี

 

 รีวิว อ้าย..คนหล่อลวง

สรุป เรื่องนี้เป็นหนังที่ถ้าไม่คาดหวังความตลกมากๆ รับรองไม่มีอะไรน่าผิดหวัง มันสนุก ลงตัว และบันเทิงมาก เพียงแต่ถ้าจะหวังเข้าไปหัวเราะหนักๆ เรื่องนี้คงไม่ใช่ เป็นหนัง GDH ที่ผมชอบ แต่ไม่คิดว่าคอหนัง GDH ทุกคนจะชอบทั้งหมด แต่ก็หวังจะหนังจะทำเงินให้ต่อเนื่องจาก “อีเรียมซิ่ง” เพื่อให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยยังคงอยู่กันต่อไปได้ บอกเลยว่าช่วงที่ผ่านมา ผมก็แทบไม่ได้ออกไปดูหนังเลยเช่นกัน โรงหนังหน้าบ้านก็เปิดแค่วันหยุด ซบเซากันไปหมด น่าเศร้าจริงๆ ค

อย่างที่กล่าวบอกว่า บทเรื่องนี้ทำมาจากคดีจริง ดังนั้นถ้าคุณได้ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว อาจจะต้องกลับมาสำรวจดูว่าบางทีเราอาจจะตกเป็นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้ ชื่นชอบการรีวิวของเราสามารถติดตามการรีวิวได้ที่นี้ทีเดียวเว็บรีวิวหนัง